ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างนายอีลอน รีฟ มัสก์ ซีอีโอบริษัทสเปซเอ็กซ์ ผู้ประกอบธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ และบริษัทเทสลามอเตอร์ส ผู้ออกแบบ ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าของสหรัฐฯว่า นายมัสก์ใช้เวลาส่วนหนึ่งในช่วงหยุดพักผ่อนเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติสหรัฐฯเมื่อวาน ทวีตข้อความเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่ใช่ว่า คำทำนายของเขาจะไม่มีมูลความจริงเลยเนื่องจากเกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่เขากังวลมากไม่ใช่เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 หากแต่กังวลเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เขาทวีตว่าเราน่าจะถือว่าเกาหลีเหนือมีความเสี่ยงต่ำสุดในแง่ของความเสี่ยงของการทำลายล้างอารยธรรมของมนุษยชาติ เพิ่มเติมว่าเขามองเรื่องการแข่งขันพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในระดับชาติน่าจะเป็นต้นเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 3 โดยระบบเอไออาจจะเลือกที่จะเริ่มต้นทำสงคราม ถ้าประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า การชิงจังหวะโจมตีข้าศึกก่อนคือหนทางไปสู่ชัยชนะอย่างแท้จริง คำทำนายดังกล่าวมีขึ้นหลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแสดงความเมื่อไม่นานมานี้ว่าเอไอคืออนาคต ไม่เฉพาะแต่เพียงรัสเซีย แต่หมายถึงอนาคตของมวลมนุษยชาติ เพิ่มเติมว่าใครก็ตามที่เป็นผู้นำทางด้านนี้ก็จะกลายเป็นผู้ปกครองโลกไปโดยปริยาย
ด้านแหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอีกแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่าในปัจจุบัน สหรัฐฯ ประเทศจีนและอินเดียคือ 3 ประเทศที่เป็นผู้นำในด้านการพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเอไอ ด้านนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุค สื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลก วิจารณ์นายมัสก์กรณีกล่าวถึงการคาดการณ์เรื่องหายนะจากเทคโนโลยีเอไอว่าเป็นการแสดงความเห็นที่ขาดความรับผิดชอบ ด้านนายมัสก์วิจารณ์ตอบโต้นายซักเคอร์เบิร์กว่า ยังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้น้อยเกินไป ขณะเดียวกันนายมัสก์ได้ตั้ง 2 องค์กรใหม่ เพื่อศึกษาผลกระทบในเรื่องนี้คือ โอเพนเอไอ บริษัทวิจัยเอไอที่ไม่หวังผลกำไร และนูราลิงค์ บริษัทใหม่ที่จะผลิตอุปกรณ์เชื่อมโยงสมองมนุษย์เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้นำผลศึกษาไปหาข้อสรุปต่อไปว่า เทคโนโลยีเอไอคือหายนะที่จะมีผลทำลายล้างมนุษยชาติเทียบเท่ากับสงครามโลกครั้งที่ 3 จริงหรือไม่