หลังจากที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้นโยบายการเดินหน้า หรือการคิกออฟเส้นทางการปฎิรูปประเทศไทย ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ต่อจากนั้น นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคสช. ชี้แจงแนวทางต่อจากนี้ว่า จากนี้ไปจนถึง1สัปดาห์ต่อจากนี้ หรือเลยไปเล็กน้อย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 จากนั้นอีก 1สัปดาห์ต่อมา นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะตั้งรัฐบาล และอาจจะเลยไปถึงเดือนกย. ทำให้ช่วงต้นเดือนก.ย. รัฐบาลจะแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสนช.ขณะเดียวกัน สิ่งที่จะดำเนินการคู่ขนานกันคือ การสรรหาสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.) เป็นเรื่องใหม่ แม้จะเคยมีแนวความคิดแบบนี้ เคยมีมาแล้ว แต่การสรรหาคนเป็นจำนวนมากที่จะร่วมกันปฎิรูปแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น และจนถึงวันนี้ จึงขอชี้แจงเรื่อง สปช. ว่า คสช.ต้องการให้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในแนวทางที่ดีขึ้น จึงมีการสรรหาสปช.ขึ้นมา ในลักษณะที่เรียกว่าต้องยกเครื่องหรือปะผุประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่ต้องปฎิรูป เนื่องจากการเมืองและเศรษฐกิจปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อ30ปีที่แล้ว ส่วนหน้าที่ของหน้าที่สปช. สามารถเสนอแนะแนวทางการปฎิรูปทั้ง 11 ด้าน และที่สำคัญให้ความเห็นชอบและพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญร่างเสร็จแล้ว และต้องส่งตัวแทนเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างประมาณ 20 คนด้วย อย่างไรก็ตาม คนที่จะเข้าไปเป็นสปช. ต้องแสดงความจำนงก่อนที่จะสมัครว่าสนใจในด้านใดใน11ด้าน และเมื่อได้รับการสรรหาแล้ว สามารถเปลี่ยนด้านได้