รองผบช.น.พิจารณาใช้กม.เทียบเคียงหยุดขบวนการอุ้มบุญ เตรียมเอาผิดอีก12แห่งที่ไม่ถูกต้อง

การประชุมติดตามความคืบหน้าคดีอุ้มบุญ พลตำรวจตรีชยุต ธนทวีรัชต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า การสืบสวนมีความคืบหน้าและความชัดเจนเพิ่มขึ้น ทำให้เชื่อได้ว่า กรณีนี้ มีการกระทำลักษณะเป็นขบวนการ มีการทำงานเป็นระบบ แต่ไทยยังไม่มีกฎหมายข้อบังคับเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญโดยตรง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะพิจารณาใช้กฎหมายในข้ออื่นที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการเพื่อหยุดยั้ง ขบวนการนี้แทน ส่วนการสอบปากคำแม่ผู้รับอุ้มบุญของเด็ก 14 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามตัวแม่ผู้อุ้มบุญทั้ง 10 คนมาสอบปากคำ เบื้องต้น สอบปากคำไปแล้ว 3 คน  ส่วนการติดตามตัวนายชิเกตะ มิตสุโตกิ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น ตำรวจได้ประสานขอข้อมูลจากทางการญี่ปุ่นไปแล้ว พร้อมขอให้เดินทางกลับเข้ามาในไทย เพื่อให้ข้อมูลกับทางการไทยโดยเร็ว ทั้งนี้ การตรวจสอบสถานพยาบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พบว่า หลายแห่งปิดบริการไปแล้ว และมีการนำเอกสารออกไปทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ได้เอกสารมาส่วนหนึ่ง ซึ่งทำให้ทราบว่า ผู้รับทำอุ้มบุญ กระทำการโดยไม่ชอบตามระเบียบของแพทยสภาแน่นอน ซึ่งในสัปดาห์หน้า สำนักงานส่งเสริมบริการสุขภาพ (สบส.)จะเข้าแจ้งความ สน.ลุมพินี  ให้ดำเนินคดีกับ เจ้าของคลินิกรับทำอุ้มบุญ ย่านถนนวิทยุ 2 ข้อหา คือ ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยที่ไม่รับอนุญาต และปล่อยให้ผู้ประกอบวิชาชีพไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ว่า ด้วยวิชาชีพเวชกรรม ต้องระวางโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังพบข้อมูล่ามีสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการทำอุ้มบุญเถื่อนอีก 12 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นของเอกชน โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อเอาผิดตามกฎหมายต่อไป