ไนจีเรียกลายเป็นประเทศล่าสุดที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังพบการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาภายในประเทศ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธานแห่งไนจีเรียตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมอนุมัติงบประมาณมากกว่า 11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 330 ล้านบาท เพื่อใช้ในการควบคุมสถานการณ์ ผู้นำไนจีเรียยังได้เรียกร้องให้ชาวไนจีเรียที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสรีบแจ้งศูนย์อนามัยของทางการทันที และไม่สื่อสารข้อมูลผิด ซึ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ไนจีเรียเป็นประเทศที่ 4 ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกที่พบการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา หลังจากพลเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายไลบีเรียที่มีเชื้ออีโบลาได้เดินทางเข้าไปในกรุงลากอสของไนจีเรีย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม และเขาได้แพร่เชื้อไวรัสไปสู่ผู้ใกล้ชิดอีก 8 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือตัวเขาและพยาบาลที่รักษา ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ประกาศว่ากำลังส่งเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปช่วยทางการไนจีเรียในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดแล้ว การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาของผู้นำไนจีเรียมีขึ้น หลังองค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกกลายเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพต่อมวลมนุษยชาติ หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาในภูมิภาคดังกล่าวแล้ว 1,779 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 961 ศพ