โฆษกสหประชาชาติ แถลงว่า นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ UN แสดงความกังวลอย่างยิ่งกรณีมีรายงานว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมา ปฏิบัติการรักษาความมั่นคงในรัฐยะไข่มากเกินควร โดยขอให้ใช้ความอดกลั้น เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะด้านมนุษยธรรม หลังจากมีรายงานผู้เสียชีวิตราว 400 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาและมีผู้ลี้ภัยราว 38,000 คนพยายามอพยพเข้าไปในบังกลาเทศ
นอกจากนี้ ยังมีชาวโรฮิงญาอีก 20,000 คน รอทยอยอพยพอยู่ตามแนวชายแดนบังกลาเทศ แต่ถูกขัดขวาง ขณะเดียวกันก็มีรายงานผู้ลี้ภัยหลายสิบคนจมน้ำขณะพยายามล่องเรือข้ามแม่น้ำนาฟ ซึ่งกั้นระหว่างเมียนมากับบังกลาเทศ นอกจากนี้ ยังมีรายงานการสังหารหมู่และกองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมาจุดไฟเผาหมู่บ้านต่างๆ จนเพิ่มความหวาดกลัวว่า เหตุรุนแรงในรัฐยะไข่จะอยู่เหนือการควบคุม อย่างไรก็ตาม นายกูเตอร์เรสระบุว่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเมียนมาที่จะต้องรักษาความมั่นคงและอนุญาตให้องค์กรช่วยเหลือเข้าถึงผู้คนที่ต้องการรับความช่วยเหลือ
ด้านกลุ่มพิทักษ์สิทธิ เชื่อว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่า 400 คนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ วิกฤตการณ์อันขมขื่นที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ล่าสุดนับเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่รุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี จนทำให้นานาชาติออกมาประณามกองทัพและรัฐบาลของนางอองซานซูจี โดยล่าสุด ประธานาธิบดีรีเจฟ ไตยิป เออร์โดกัน ของตุรกี ได้ระบุว่า เหตุการณ์นองเลือดในรัฐยะไข่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา ทั้งยังระบุว่า บุคคลที่ปิดหูปิดตาต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ถือเป็นผู้ร่วมสมคบคิดในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ดี จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ในเดือนนี้
ทีมต่างประเทศ
CR:Reuters