+++การปาฐกถาพิเศษเรื่องทิศทางกระบวนการยุติธรรมไทยต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศจะไม่สำเร็จถ้าไม่มียุทธศาสตร์ชาติที่เป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติปรับเปลี่ยนได้ตามการเปลี่ยนแปลงของโลก ต้องอยู่บนความจริง สถานการณ์โลก ความเป็นไทย หลักนิติธรรม และกรอบเป้าหมายของสหประชาชาติ ขณะที่กระบวนการยุติธรรมมี 4 มิติ คือ กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ทางแพ่ง ทางปกครอง ทางรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องเข้ามาร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาคนและด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้คนในสังคมเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยตรง
+++รัฐธรรมนูญปัจจุบันบัญญัติว่ารัฐต้องจัดให้มีการบริหารงานยุติธรรมในทุกด้าน จึงต้องปรับปรุงงานด้านกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ ให้คนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างสะดวกและง่าย รวดเร็ว เสียค่าใช้จ่ายถูก อีกทั้งต้องกำหนดเวลาของการดำเนินคดีทุกขั้นตอนอย่างชัดเจนว่าจะใช้เวลากี่เดือน กี่ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต้องไปคิดว่าจะทำรูปแบบออกมาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องยุติลงได้อย่างน่าเชื่อถือ และเกิดความพึงพอใจ แต่ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจ ย่อมมีคนที่ไม่พอใจผลตัดสิน ซึ่งเราก็ปล่อยเขาไป และเมื่อคดียุติจบในศาลแล้ว อย่าได้ทวีตเตอร์กันอีกเลย ขอให้จบกันเท่านี้
+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 เป็นประธาน ได้ให้ความเห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) พ.ศ.กรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จำนวน 11 คน ประกอบด้วยสัดส่วนของกรธ. 5 คน ได้แก่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์,พล.ต.วิระ โรจนวาศ, นางจุรี วิจิตรวาทการ นายนรชิต สิงหเสนี และนายเธียรชัย ณ นคร ส่วนสนช. 5 คน ประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล นางสุวิมล ภูมิสิงหราช นายสมชาย แสวงการ และนายวัส ติงสมิตร ประธานกสม. เพื่อพิจารณากรณีที่ประธานกสม.ได้มีข้อโต้แย้งมาว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น กำหนดการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับจากวันที่แต่งตั้ง
+++การสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลพศ. กล่าวว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติโอนย้ายพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ.ไปเป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กำลังดูว่าใครจะเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการเป็นผอ.พศ.คนใหม่ โดยก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องเป็นคนดี ก็ต้องยึดตามนั้น ในขณะเดียวกันผอ.พศ.คนใหม่จะต้องประสานการทำงานกับคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม(มส.)ได้ รวมทั้งมีความรู้ และต้องทำหน้าที่ฝ่ายบริหารให้เป็นด้วย ไม่ใช่เก่งแล้วบริหารงานไม่ได้ ซึ่งการคัดเลือกผู้ที่มาเป็นผอ.พศ.จะต้องเลือกคนดีอยู่แล้ว แต่การเป็นคนดี คนเก่ง ก็ต้องทำงานเป็นด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกส่วนที่สำคัญ
+++กรณีมีกระแสข่าวว่า มีรายชื่อพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (สบ10)สำนักงานตำรวจแห่งชาติและนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ อยู่ในรายชื่อที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นผอ.พศ.คนใหม่ นายออมสิน กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้ทาบทามใครเป็นพิเศษ แต่หากมีผู้ที่เหมาะสม ก็จะต้องนำเข้าหารือกับนายวิษณุ ก่อน ภายในเดือนก.ย.นี้ จะสามารถแต่งตั้งผอ.พศ.คนใหม่ได้แน่นอน
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปรับตัวในทิศทางขาขึ้น แม้ว่าแรงซื้อจากต่างชาติจะเริ่มชะลอลง แต่ดัชนียังอยู่ในแดนบวกได้ จากการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก คาดว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จะออกมาดี รวมถึงการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวเดียวกัน นักลงทุนรอติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานสหรัฐประจำเดือนส.ค. ในคืนนี้ ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,618.42 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,762.35 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 17.14 จุด ปิดที่ 27,953.16 จุด
+++ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดบวก 45.23 จุด ปิดที่ 19,691.47 จุด
+++บีบีซี รายงานอ้างทำเนียบขาวของสหรัฐฯว่า รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เดินทางไปเยือนเมืองร็อคพอร์ท รัฐเท็กซัสในวันนี้ ให้คำมั่นว่ารัฐบาลกลางจะจัดทำโครงการขนาดใหญ่เพื่อฟื้นฟูชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายและดีกว่าเดิม พร้อมทั้งชื่นชมชาวรัฐเท็กซัสว่า ต่อสู้กับวิกฤติครั้งนี้อย่างมีสติและมีกำลังใจที่ดี ประชาชนราว 311,000 คนได้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากเหตุน้ำท่วมครั้งนี้แล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่า เงินช่วยเหลือฉุกเฉินจะไปถึงมือของประชาชนที่ลงทะเบียนไว้เมื่อใด
+++ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวระบุว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเสนอให้สภาคองเกรสพิจารณาอนุมัติเงินช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจากอิทธิพลพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ โดยเฉพาะรัฐเท็กซัสทางภาคตะวันออกของประเทศ ระบุว่าผู้นำสหรัฐฯจะเสนอให้สภาคองเกรส อนุมัติเงินช่วยเหลือฉุกเฉินในเบื้องต้นจำนวน 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พายุลูกนี้ ทำให้มีคนเสียชีวิตแล้ว 39 ศพ ขณะเดียวกัน พื้นที่ภาคตะวันออกของเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส ยังคงมีระดับน้ำท่วมสูง
+++ขณะที่ รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐเท็กซัส ระบุว่า รัฐเท็กซัสอาจจะต้องใช้เงินมากกว่า 1 แสน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในการฟื้นฟูชุมชนประสบภัยในรัฐเท็กซัส คาดว่า สภาคองเกรสจะประชุมพิจารณาเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า หลังปิดสมัยประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว
+++ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ แจ้งว่า พายุโซนร้อนลิเดีย ทวีกำลังแรงขึ้นหลังจากเคลื่อนตัวเข้าใกล้ตอนปลายสุดของคาบสมุทรบาฮากาลิฟอร์เนีย ทางตะวันตกของเม็กซิโก เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น แต่ไม่น่าจะทวีกำลังขึ้นเป็นเฮอริเคน พายุโซนร้อนลิเดีย อยู่ห่างจากรีสอร์ทลอส กาบอส ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 64 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางที่ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทางเหนือค่อนตะวันตกเฉียงเหนือ มีคำเตือนให้เฝ้าระวังเฮอริเคน ในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดบาฮากาลิฟอร์เนียซูร์ เพราะเสี่ยงเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเซิร์จที่เป็นอันตราย และฝนตกหนักที่อาจทำให้น้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงมีคำเตือนเฝ้าระวังพายุโซนร้อน
+++สำนักงานเทศบาลเมืองการาจี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของปากีสถาน ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ รายงานการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพ จากเหตุน้ำท่วมฉับพลันซึ่งเป็นผลจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำละยารี ล้นตลิ่ง ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนจนเสียหายประมาณ 350 ถึง 400 หลัง กองทัพปากีสถาน ส่งทหารลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งสูบน้ำออกจากบ้าน นำอาหารไปแจก
+++สถานการณ์น้ำท่วมในเมืองการาจีเกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่เมืองมุมไบ ซึ่งเป็นเมืองท่าและเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย เผชิญกับน้ำท่วมฉับพลันและมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 ศพ
+++ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากมหาอุทกภัยในเอเชียใต้ ตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,200 ศพ ใน 3 ประเทศ คืออินเดีย บังกลาเทศ และเนปาล
แฟ้มภาพ