บุญทรง รอลุ้นศาลให้ประกันหรือไม่/กต.ยันยังต้องรอข้อมูลตามหาตัวยิ่งลักษณ์/ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น

31 สิงหาคม 2560, 12:47น.


+++นายนรินทร์ สมนึก ทนายความของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยทางโทรศัพท์กับ สำนักข่าวไทย ว่า ได้มอบหมายให้ทนายในทีมเดินทางไปยื่นคำร้องของประกันตัว รอบใหม่ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมืองแล้ว  หลังจากที่ได้หารือกับนายบุญทรง เมื่อวานนี้เกี่ยวกับเหตุผลและเงื่อนไขที่จะยื่นประกอบคำร้องประกันตัว จากนี้ คงต้องรอว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไร หลังยื่นประกันรอบที่ 2 ช่วงบ่ายวันนี้ จะเดินทางเข้าเยี่ยมนายบุญทรงก่อน



+++นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่ไปปรากฏตัวต่อศาลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม และมีข่าวว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ว่าชั้นนี้ยังเป็นไปตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่ากระทรวงการต่างประเทศ จะขอความร่วมมือประเทศต่างๆ ในการสืบค้น หรือค้นหาตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ในชั้นนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้



+++ประเด็นการเพิกถอนหนังสือเดินทางของอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นางสาวบุษฏีกล่าวว่า สถานะทางคดีในชั้นนี้ถือว่ายังไม่สิ้นสุดตามกฎหมาย เพราะศาลยังไม่ได้อ่านคำตัดสิน ซึ่งทราบกันอยู่แล้วว่าจะมีการนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 27 กันยายนนี้ โดยต้องรอให้ศาลมีการอ่านคำพิพากษาก่อน และเมื่อศาลมีคำตัดสินแล้ว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2560 ก็ยังมีกระบวนการที่สามารถอุทธรณ์ได้อีก ส่วนประเด็นที่ศาลได้ออกหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์ไปแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของเจ้าพนักงานดำเนินการ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องประสานเข้ามาที่กระทรวงการต่างประเทศ และหากเข้าตามระเบียบกระทรวง ข้อ 23 วรรค 2 และข้อ 21 วรรค 2 (1) กระทรวงฯ ก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นการดำเนินการเหมือนกันกับทุกกรณีโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ



+++นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนกรกฎาคม 2560 ขยายตัวร้อยละ 3.73 อยู่ที่ระดับ 109.16 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 105.23 ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว สอดคล้องกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งขยายตัวร้อยละ 14.2 การนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวร้อยละ 9.5 และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปไม่รวมทองคำแท่งขยายตัวร้อยละ 11.5 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตร้อยละ 60.22 



+++ส่วนในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ดัชนีเอ็มพีไอขยายตัวร้อยละ 0.62 จึงมั่นใจว่าภาพรวมดัชนีปีนี้จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 0.5-1.5 ส่วนอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ในภาคอุตสาหกรรมปีนี้คาดไว้ที่ร้อยละ 1-2  ทั้งนี้ ประเมินว่าถ้าเอ็มพีไอในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ (ส.ค.-ธ.ค.) โตเฉลี่ยไม่น้อยกว่าเดือนละร้อยละ 0.35 เอ็มพีไอทั้งปีคาดจะโตร้อยละ 0.5 แต่ สศอ.ประเมินความเป็นไปได้มากที่สุดคาดเอ็มพีไอทั้งปีน่าจะโตประมาณกว่าร้อยละ 1 โดย 5 เดือนที่เหลือของปีจะต้องโตเฉลี่ยเดือนละร้อยละ 1.55 ซึ่งยังคงต้องติดตามตัวเลขหลังสิ้นสุดไตรมาส 3 ไปแล้วอีกครั้ง เพราะยังมีโอกาสที่เอ็มพีไอทั้งปีจะโตได้ร้อยละ 1.5  เป็นเป้าหมายสูงสุด จาก 5 เดือนที่เหลือโตเฉลี่ยได้เดือนละร้อยละ  2.75



+++นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมไตรมาส 4/2560 จากอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีเอ็มพีไอ คาดว่าไตรมาส 4/2560 อุตสาหกรรมรถยนต์จะผลิตได้ 500,000 คัน ทำให้ทั้งปีจะผลิตได้ตามเป้าหมายที่คาดไว้ 1.93 ล้านคัน อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คาดขยายตัวร้อยละ 8.07 และทั้งปีคาดขยายตัวร้อยละ 8.61



+++นักวิเคราะห์ด้านภัยพิบัติในเยอรมนี รายงานว่า พายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้แก่รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯเป็นมูลค่าราว 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.92 ล้านล้านบาท) ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการจัดการภัยพิบัติและลดความเสี่ยงในเมืองคาร์ลสรูเออของเยอรมนี ระบุว่า หากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าเท่ากับที่ประเมินไว้ จะถือเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของโลกนับแต่ปี 2533



+++ด้านบริษัทฮันโนเวอร์ รีอินชัวแรนซ์ บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ประเมินมูลค่าความเสียหายจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ไว้ที่  3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 1 แสนล้านบาท)



+++ขณะที่ เจพีมอร์แกน ประเมินว่า ส่วนประกันภัยจะต้องจ่ายเงินชดเชยความเสียหายจากพายุลูกดังกล่าวเป็นมูลค่าถึง 10,000-20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3 แสน 32,000-6 แสน65,000 ล้านบาท)



+++ตุนกู อิมราน ตวนกู จาฟฟาร์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกมาเลเซีย กล่าวถึง การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่าเป็นมหกรรมกีฬาที่ ยอดเยี่ยม เป็นที่น่าจดจำ และยิ่งใหญ่ โดยมาเลเซียครองความเป็นเจ้าเหรียญทองอย่างไรก็ตาม นานาประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทยและอินโดนีเซีย วิจารณ์การแข่งขันครั้งนี้อย่างหนัก โดยเฉพาะกระบวนการตัดสินที่ ต่ำกว่ามาตรฐาน ในแทบทุกชนิดกีฬา จนถึงขั้นเกิดแฮชแท็ก #ShameOnYouMalaysia บนสื่อสังคมออนไลน์ของทั้งสองประเทศ แต่นายอาหมัด ชาปาวี อิสมาอิล ประธานสภาโอลิมปิกแห่งชาติของมาเลเซีย กล่าวว่ายังไม่ได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้จากประเทศใด และยืนยันว่าการแข่งขันครั้งนี้มีคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคส่วนกลางซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีซีเกมส์  และสหพันธ์กีฬานานาชาติหลายแห่งส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย 



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X