หลังจากพบเด็กทารก9คนในคอนโดย่านลาดพร้าว คาดว่าเด็กทั้งหมดจะเกิดจากการอุ้มบุญ พลตำรวจตรีนัยวัฒน์ เผดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อหาแนวทางคลี่คลายคดี ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมงไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน บันทึกภาพ มีรายงานว่า ในที่ประชุมมีการนำหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นภายในพื้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นคลีนิกอุ้มบุญ ในพื้นที่ลาดพร้าวและเพลินจิต รวม 11 จุด มาประเมินความคืบหน้า เพื่อวางแนวทางในการติดตามสืบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ ดังกล่าว ประกอบด้วย นายหน้า แม่อุ้มบุญ แพทย์ และสถานพยาบาล รวมถึงการติดตามตัว นายชิเกตะ มิชูโตกิ อายุ 24 ปี หลังจากพบว่ามีภาพของชายชาวญี่ปุ่น ที่น่าจะเป็น นายชิเกตะ เดินทางออกจากประเทศไทย เมื่อ เวลา02.00น.ของคืนวันที่ 7 สิงหาคม และจากประวัติการเดินทางออกนอกประเทศของนายชิเกตะ พบว่า เดินทางเข้า-ออก ประเทศไทยแล้ว จำนวน 40 ครั้ง
+++ด้านพ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กดส.) ระบุว่า นายรัฐประทาน ตุลาธร ทนายความของนายชิเกตะ ยังไม่นำใบสูจิบัตร แจ้งเกิดเด็กทั้ง 9 คนมามอบให้ตำรวจตามที่นัดหมาย
+++ส่วน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำนายรัฐประทาน แล้ว ทราบว่า ชายญี่ปุ่นคนดังกล่าวเป็นพ่อเด็กทั้งหมด 14 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าได้นำเด็กออกนอกประเทศไปที่ประเทญี่ปุ่นแล้วจำนวน 3 คน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสืบหาแม่อุ้มบุญเด็กทั้งหมด มาสอบปากคำ หลังมีบัตรระบุชื่อแม่จากโรงพยาบาล
+++ส่วนเด็กทั้ง 9 คน ตอนนี้มีการเก็บดีเอ็นเอไว้แล้ว เพื่อตรวจสอบว่ามีความสัมพันธ์กับแม่อุ้มบุญหรือไม่ รวมถึง ขณะนี้มีการตรวจค้นและสอบปากคำสถานพยาบาลไปแล้วส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า ตำรวจไทยได้ประสานไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ตรวจสอบว่า นายชิเกตะ มีตัวตนจริงหรือไม่ รวมถึงเพื่อสอบถามประวัติส่วนตัวเพื่อให้ประเทศญี่ปุ่นช่วยติดตามตัว แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เป็นขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะต้องสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นมีการตรวจสอบประวัติของ นายชิเกตะ มิซูโตกิ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มบุญ ทราบว่า เป็นชื่อจริงนามสกุลจริง และเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น รวยติดอันดับ 5 ของโลก โดยทำธุรกิจประเภทสื่อสารโทรคมนาคม
บุศรินทร์
CR:แฟ้มภาพ