ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี/สหรัฐฯเร่งบรรเทาทุกข์รัฐเท็กซัส/ยูเอ็น ขอให้บังกลาเทศช่วยชาวโรฮิงญา

30 สิงหาคม 2560, 05:36น.


+++สี่วันหลังจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ จนทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมหนักในเมืองฮุสตันเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ ทำให้ถนนหนทางแม้แต่ทางหลวงยังกลายเป็นแม่น้ำไปแล้ว ปฏิบัติการช่วยเหลือและกู้ภัยต้องดำเนินไปอย่างเร่งด่วนเพื่อหาทางช่วยเหลือประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังคงติดค้างในสถานที่พักอาศัยแต่ออกไปไหนไม่ได้เพราะน้ำท่วมหนักประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยในรัฐเท็กซัส พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง โดยเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซวัน เดินทางมาถึงเมืองคอร์ปุส คริสตี้ เมืองชายฝั่งซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุ



+++โฆษกหญิงประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า กำหนดการของผู้นำสหรัฐฯสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เพราะฝนยังคงตกต่อเนื่องในรัฐเท็กซัส ก่อนการเดินทางมาเท็กซัส ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลังแก่รัฐเท็กซัส แม้หนทางการฟื้นฟูจะยุ่งยากและยาวไกล เพราะเราเป็นครอบครัวอเมริกันด้วยกัน



+++สื่อของทางการจีนรายงานวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มที่เมืองปี้เจี๋ย มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15 คนแล้ว บาดเจ็บอีก 8 คน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ยังคงปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง จัดส่งเงินและสิ่งของความช่วยเหลือภายใน 48 ชั่วโมง 



+++ที่อินเดีย ฝนตกหนักตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศในนครมุมไบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและการธนาคารของอินเดีย ต้องหยุดชะงัก เที่ยวบินหลายเที่ยวล่าช้าเป็นเวลา 20 นาทีโดยเฉลี่ย เช่นเดียวกับการเดินขบวนรถไฟที่ถูกทำให้ล่าช้า และมีการยกเลิกการให้บริการในบางเส้นทาง กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย ประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นช่วงๆ ตลอด 2-3 วันนี้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าสภาพเมืองอาจจะมีน้ำท่วมขังมากขึ้น



+++สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เกาหลีเหนือ สร้างความแตกตื่นให้กับประชาคมโลกครั้งใหม่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ด้วยการยิงขีปนาวุธ ออกจากบริเวณภูมิภาคซูนัน ใกล้กับกรุงเปียงยาง โดยขีปนาวุธสามารถทะยานขึ้นสู่ระดับความสูง 550 กิโลเมตร และเดินทางไปได้เป็นระยะทางไกลถึง 2,700 กิโลเมตร ผ่านน่านฟ้าเหนือเกาะฮอกไกโด ที่อยู่ในภาคเหนือของญี่ปุ่น ก่อนแตกออกเป็น 3 ชิ้นและตกลงสู่ทะเล ห่างจากแหลมอิริโมะ บนเกาะฮอกไกโด ราว 1,180 กิโลเมตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 13 ของเกาหลีเหนือแล้วในปีนี้ และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ที่ขีปนาวุธของรัฐบาลเปียงยางเดินทางผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่น



+++นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประณามเกาหลีเหนืออย่างหนัก ว่าเจตนาคุกคามอธิปไตยของญี่ปุ่นอย่างร้ายแรง และเรียกร้องให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ



+++บรรยากาศตลาดทุนโลกตื่นตัวเช่นกัน โดยเงินเยน ทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอยู่ที่ 108.33 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้าของการซื้อขายในตลาดเอเชีย ส่วนเงินฟรังก์สวิสซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุด ทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอยู่ที่ 0.9523 ฟรังก์สวิส และราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน



+++กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ประณามเกาหลีเหนือเช่นกัน และระบุด้วยว่าประธานาธิบดีมุน แจ อิน สั่งการให้กองทัพเกาหลีใต้ยกระดับการซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ สถานการณ์ไม่คาดฝัน จากเกาหลีเหนือในอนาคต



+++น.ส.ฮัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่าสถานการณ์มาถึงจุดเปลี่ยนที่จะก้าวข้ามไปสู่วิกฤต แต่ขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสที่จะหวนกลับมาสู่โต๊ะเจรจา รัฐบาลจีน หวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาว่า จะหาทางอย่างไรให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลงมา เพื่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี



+++ขณะที่ นายเซอร์เก ไรยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า เป็นที่น่าวิตกอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งใกล้ถึงจุดที่จะนำไปสู่สถานการณ์ตึงเครียด



+++ชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 6,000 คนที่อพยพหนีเหตุความรุนแรงครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ของเมียนมา ติดค้างอยู่ที่บริเวณพรมแดนฝั่งติดกับบังกลาเทศ หลังถูกปิดกั้นไม่ให้เดินทางเข้าประเทศ ตัวเลขจริงๆ อาจจะสูงกว่า 10,000 คน เนื่องจากเชื่อว่า น่าจะยังมีอีกจำนวนมากที่ยังคงหลบซ่อนอยู่ตามป่าเขา



+++ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขอให้ทางการบังกลาเทศ ให้ความช่วยเหลือ  ผู้ลี้ภัยหลายคนเป็นผู้หญิงและเด็ก อีกทั้ง ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย



+++ที่เมืองโคลวิส รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐฯ เกิดเหตุยิงกันภายในตัวอาคารห้องสมุดประชาชน มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 4 คน เป็นผู้ชาย 2คนและผู้หญิง 2คน รายชื่อของเหยื่อเหตุยิงกันและตัวมือปืนผู้ก่อเหตุยังไม่เปิดเผย ขณะที่ มือปืนเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ นายเดวิด แลนสฟอร์ด นายกเทศมนตรีเมืองโคลวิส แถลงว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้หากเจ้าหน้าที่ไม่รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีและปฏิบัติการด้วยความกล้าหาญ



+++ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ทายาทของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้ล่วงลับแล้ว ติดต่อมาว่าจะยอมคืนทรัพย์สินบางส่วนของครอบครัวให้กับรัฐ รวมถึงทองคำแท่งจำนวนหนึ่ง สำหรับนายมาร์กอสและภริยาคือนางอีเมลดา มาร์กอส ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปจากคลังหลวงระหว่างที่ครองอำนาจ 20 ปี การประท้วงขับไล่รัฐบาลเมื่อปี 2529 ส่งผลให้นายมาร์กอสและครอบครัวต้องเดินทางไปขอลี้ภัยในสหรัฐฯโดยไม่เกิดเหตุรุนแรง



CR:AFP,KCNA



 

ข่าวทั้งหมด

X