รอยเตอร์รายงานอ้างบทวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์และนายเกร็ก แม็คเคนนา หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของบริษัทอเล็กซีเทรดเดอร์ ผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายล่วงหน้าว่า น้ำท่วมรุนแรงในรัฐเท็กซัสทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนฮาร์วีย์เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันดิบขนาดใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯต้องปิดชั่วคราว แม้ว่าโรงกลั่นบางแห่งเตรียมจะเปิดทำการตามปกติในวันนี้ แต่คาดว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ แม้ว่า พายุฮาร์วีย์ ซึ่งขณะนี้ลดความแรงลมเป็นพายุโซนร้อนจากเฮอร์ริเคน ดูเหมือนจะกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมันมากกว่าผู้ผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ
ในระยะนี้ การกลั่นและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯจะหายไปจากระบบราว 2-3 ล้านบาร์เรลต่อวันและกว่า 5 แสนบาร์เรลต่อวันตามลำดับ และคาดว่าผลกระทบนี้จะต่อเนื่องไปอีกหลายสัปดาห์ การปิดโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯหลังเกิดพายุ มีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันขยับขึ้นไปที่ 1.7799 ดอลลาร์ต่อแกลลอน เมื่อวานนี้ นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 แต่ราคาเริ่มอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 1.7342 ดอลลาร์ต่อแกลลอนเมื่อเวลา 06.48 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ สำหรับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯขึ้น 30 เซนต์ หรือร้อยละ 0.6 ไปอยู่ที่ 46.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังลดกว่าร้อยละ 2 ในช่วงปิดตลาดวันก่อน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์กรุงลอนดอน อังกฤษ ขยับขึ้น 29 เซนต์ หรือร้อยละ 0.6 ไปอยู่ที่ 52.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล