ภายหลังได้รับเลือกให้เป็นว่าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่าหน้าที่ของสนช.เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนขั้นตอนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต้องรอให้มีการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้งตำแหน่งประธานสนช. ก่อน จึงจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ ส่วนจะมีการเร่งเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีทันทีหรือไม่ ต้องดูที่ความเหมาะสมว่ามีเรื่องเร่งด่วนอื่นหรือไม่ สำหรับ บุคคลที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีความเหมาะสม ก็เห็นตามเสียงส่วนใหญ่ แต่ในฐานะประธานสนช. ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ใคร แม้จะมีบุคคลในใจที่จะเสนอชื่อก็ตาม ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าที่ได้รับตำแหน่งประธานสนช.เพราะเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าคสช. นายพรเพชร ชี้แจงว่าได้รับตำแหน่งประธานสนช.เพราะมติของสมาชิกสนช. เป็นผู้เลือก ไม่ได้เป็นเพราะเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าคสช. เช่นเดียวกับกรณีที่มีข้อสงสัยว่าการดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินควบคู่กับประธานสนช.มีความเหมาะสมหรือไม่ ยืนยันว่าการเข้ารับตำแหน่งประธานสนช. ทั้งยังดำรงตำแหน่งเดิมไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 45 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าสามารถดำรงตำแหน่งพร้อมกันได้ ส่วนในเรื่องความเหมาะสมและความสามารถจะพิจารณาต่อไป แต่หากจะให้เลือกระหว่างตำแหน่งผู้ตรวจการที่เหลือวาระ 4 ปี กับประธานสนช. ที่เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ขณะนี่ยังตอบไม่ได้ สำหรับที่ประชุมสนช. มีมติเป็นเอกฉันท์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่าสนช.ต้องการความเป็นเอกภาพ เพื่อพัฒนางานด้านกฎหมายให้ดีที่สุด ส่วนกฎหมายที่ยังค้างอยู่ในการพิจารณาเป็นหน้าหน้าที่ของรัฐบาลเป็นผู้พิจารณา ขณะที่กฎหมายอีกหลายฉบับที่กำลังจะเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาของสนช. จะต้องเป็นหน้าที่ของกรรมการกิจการรัฐสภาประสานกับคสช. เรียงลำดับความสำคัญ สำหรับข้อถกเถียงถึงอำนาจของสนช.ในการพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้หรือไม่ ส่วนตัวยังไม่ได้ศึกษาข้อมูล และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็ไม่ได้ระบุชีดเรื่องการถอดถอน เพราะการเห็นชอบ แต่งตั้งเป็นเรื่องของกฎหมายเฉพาะ นายพรเพชร ยังกล่าวถึงหน้าที่ของประธานสนช.ว่าส่วนตัวจะไม่เข้าไปเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะสนช. สามารถ ส่งสมาชิกเข้าเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้เพียง 5 คน
สานนท์