*เร่งพิจารณาร่างพรบ.คุ้มครองเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ เผาผิดแม่รับจ้างโทษ10 ปี*

ปัญหาข้อกฎหมายของการอุ้มบุญ  คณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จัดการประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจให้สื่อมวลชน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ประมวล รุตมเสน อาจารย์ที่ปรึกษา หน่วยชีววิทยาการเจริญพันธุ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน แพทยสภาถือเป็นหน่วยงานดูแลด้านจริยธรรมของแพทย์ ภายใต้พระราชบัญญัติประกอบวิชาชีพ ซึ่งสามารถดูแลแค่ด้านจริยธรรม หากพบการกระทำความผิดสามารถลงโทษเพียงแพทย์และสถานพยาบาล แต่ไม่มีบทลงโทษตามกฏหมาย

การผลักดันร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวจึงควรเกิดขึ้นเนื่องจากจะครอบคลุมการป้องกันปัญหาการอุ้มบุญและปัญหาต่างๆที่จะเกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยในร่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ระบุชัดเจนว่าผู้อุ้มบุญจะมีโทษจำคุกไม่เกิน10ปี หรือ ปรับไม่เกิน2แสนบาท แต่ไม่มีการระบุว่าให้กฏหมายมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง

ด้านศาสตราจารย์ วิทูรย์ อึ้งประพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติเวชและกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงว่า หากร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณา แพทยสภาก็จะต้องปรับประกาศต่างๆตามเพื่อให้กฏหมายครอบคลุมมากขึ้น เช่น ในร่างพระราชบัญญัติระบุว่า คนอุ้มบุญจะต้องเป็นผู้ที่เคยมีบุตรมาก่อน สามีของผู้อุ้มบุญต้องยินยอมและไม่มีการว่าจ้าง

ส่วน นายวันชัย รุจนวงค์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามกฏหมาย เด็กทารกคลอดจากใคร ผู้คลอดถือเป็นแม่ แต่ในร่างประราชบัญญัติฉบับดังกล่าวจะระบุว่า เด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เข้าของไข่จะเป็นแม่ของเด็กตามกฏหมาย ส่วนกฏหมายการค้ามนุษย์ในเบื้องต้นระบุว่า หากผู้ดำเนินการมีอายุมากกว่า18ปี และไม่ได้ถูกการบังคับขู่เข็ญ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์

อย่างไรก็ตาม หลังการชี้แจงสื่อมวลชน คณะกรรมยกร่างพระราชบัญญัติ ฉบับนี้ ได้ประชุมร่วมเพื่อหารือกันเพื่อผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติผ่านการพิจารณาให้เร็วที่สุด ร่วมถึงจะมีการพูดคุยกันว่าจะหามาตราการใดมาป้องกันปัญหาในระหว่างที่ร่างยังไม่ผ่านการพิจารณา