ตร.วางกำลังคดีจำนำข้าวเข้มรอบศาลฎีกาฯ มวลชนทยอยให้กำลังใจ

25 สิงหาคม 2560, 07:11น.


บรรยากาศที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งวันนี้ศาลฎีกา นัดฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวรวม 2 คดี คือคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี  ฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและคดีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก รวม 28 คน ในคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ  หรือจีทูจี โดยบรรยากาศบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณลานด้านหน้า ศูนย์ราชการอาคารเอ ไปจนถึงหน้าทางเข้าศาลฎีกาฯ มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาปักหลักข้างหน้าเพื่อรอให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ขณะที่ภายในพื้นที่ศาสฎีกาฯ ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นทางเข้าบริเวณโดยรอบ โดยเปิดให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนที่ลงทะเบียน สามารถเข้าได้ที่ทางเข้าหลักศูนย์ราชการ ก่อนที่ต้องผ่านจุดคัดกรอง บริเวณกองบัญชาการกองทัพไทย  



สำหรับกำลังที่ใช้ดูแลความสงบเรียบร้อยยังเป็นกำลังหลักจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค8 และ 9 และตำรวจตระเวนชายแดนรวม 24 กองร้อย หรือกว่า 3,000 คน



ขณะที่เมื่อคืนนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ได้ลงพื้นที่ตรวจความปลอดภัยภายในศาลฎีกาฯและในช่วงเช้านี้ก็ได้ตรวจสอบพื้นที่ตั้งแต่เวลา  04:00 น. เพื่อตรวจพื้นที่รองรับมวลชนที่มาให้กำลังใจ



ขณะที่ ตำรวจนครบาลได้นำรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงประชาสัมพันธ์มาประจำจุดบริเวณพื้นที่รองรับมวลชน และนำแผงเหล็กกว่า 1,600 อันมาแบ่งโซนพื้นที่สำหรับมวลชน



นอกจากนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมจำนวน 120 ตัว แบ่ง เป็นด้านใน 32 ตัว ด้านนอก 88 ตัว รวมถึงกล้องวิทยุดิจอตอล LCE เคลื่อนที่กว่า 100 ตัว ปะปนอยู่ในพื้นที่เพื่อสอดส่องสิ่งผิดปกติและระวังมือที่ 3 ที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุ





ส่วนแนวทางการตัดสินคดี แนวทางที่ 1 หากศาลตัดสินว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีความผิดฝ่ายโจทก์ คือ อัยการ สามารถอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วัน



ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์สามารถนำคำพิพากษาไปใช้ต่อสู้คดีทางปกครองและคดีแพ่งที่มีการยึดทรัพย์นางสาวยิ่งลักษณ์กรณีถูกเรียกร้องค่าเสียหายจากคดีรับจำนำข้าว



แนวทางที่ 2 หากศาลฎีกาฯ ตัดสินว่า นางสาวยิ่งลักษณ์มีความผิดตามฟ้องและตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา นางสาวยิ่งลักษณ์สามารถขอยื่นประกันตัวชั่วคราว ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่  และสามารถอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วัน



แนวทางที่ 3 ศาลมีคำพิพากษาว่าผิด แต่ให้รอลงอาญา นางสาวยิ่งลักษณ์ สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วัน



แต่หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม ศาลจะออกหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์ และพิจารณาอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ล่าสุด นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความเดินทางมาถึงแล้ว  





สำหรับที่มาของคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบตามการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ถูกไต่สวนตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา กระทั่งถูกชี้มูลความผิดเมื่อปี 2558 และส่งอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯในปีเดียวกัน ซึ่งใช้เวลาไต่สวนในชั้นศาลฎีกาฯราวปีกว่า และในที่สุดก็มาถึงบทสรุปแล้วในวันนี้



คดีดังกล่าวถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. และฝ่ายพนักงานอัยการขุดคุ้ยถึงความไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจจีน 2 แห่ง (กวางตุ้ง-ไห่หนาน) ที่อาจไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการค้าข้าวอย่างแท้จริง การส่งมอบข้าวอาจไม่เกิดขึ้นจริง นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่าย กลับมามีบทบาทอีกครั้ง



ภายหลังปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีแคชเชียร์เช็คจากกลุ่มนี้ ร่วมกับกลุ่มเอกชนค้าข้าวหลายสิบราย จ่ายแคชเชียร์เช็คหลายหมื่นล้านบาท ส่งตรงกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อเบิกข้าวดังกล่าวออกมา เป็นต้น



จำเลยคดีนี้เบื้องต้นล็อตแรกรวม 21 ราย ล็อตหลังที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามมาอีก 7 ราย รวมเป็น 28 ราย และศาลฎีกาฯได้สั่งให้รวมเป็นสำนวนเดียวกัน โดยมีชื่อของนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็น 3 จำเลยสำคัญ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการระบายข้าวจีทูจีดังกล่าว ล่าสุด นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความเดินทางมาถึงแล้ว  





สำหรับในกรณีนี้ ฝ่าย ป.ป.ช. และฝ่ายพนักงานอัยการ ตรวจสอบพบว่า สัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับบริษัทกวางตุ้ง จำนวน 3 สัญญา และไห่หนาน จำนวน 1 สัญญา แคชเชียร์เช็คดังกล่าวที่สั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ และเบิกข้าวออกจากคลัง ไม่ได้มาจากกวางตุ้ง และไห่หนาน รัฐวิสาหกิจจีนที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบจีทูจีแม้แต่ฉบับเดียว แต่ปรากฏข้อมูลแคชเชียร์เช็ค และบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องมาจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่าย รวมถึงเอกชนผู้ประกอบการค้าข้าวและโรงสี ทั้งที่ ป.ป.ช. ชี้มูลผิด และที่ถูก ป.ป.ช. กันไว้เป็นพยาน รวม 18 ราย วงเงินทั้งสิ้นราว 8 หมื่นล้านบาทเศษ  อย่างไรก็ตามในคดีนี้มีจำเลยหลบหนีไปแล้ว 2 ราย และศาลฎีกาฯได้ออกหมายจับไปแล้ว ได้แก่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือ 'หมอโด่ง' อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และนายสุธี เชื่อมไธสง  ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยเปี๋ยง เป็นผู้ร่วมขายข้าวให้กับเอกชนที่ติดต่อซื้อข้าว



ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี  



 



 

ข่าวทั้งหมด

X