ปธ.กทพ.ยังบอกไม่ได้ ต่อสัญญากับ BEM หรือไม่

24 สิงหาคม 2560, 12:53น.


แนวทางการดำเนินโครงการทางด่วนศรีรัช หรือด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งสัญญาระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ  กทพ. กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จะสิ้นสุดในเดือน เดือนกุมภาพันธ์ 2563  พลเอกวิวรรธน์ สุชาติ ประธานกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยืนยันว่า กทพ. ดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ. ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐฯ 2556 ซึ่งว่าจ้างที่ปรึกษาคนกลาง คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษารายละเอียด และจะส่งผลการศึกษามาให้กทพ. ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ จะรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแนวทางว่าจะเจรจาตามสัญญาอย่างไร ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นต่อสัญญากับบริษัทเดิมหรือไม่ เพราะผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจคือ ครม.



หลังสรุปผลการศึกษา กทพ. จะนำผลการศึกษามาพิจารณา และจะมี 3 แนวทาง คือ ให้กทพ. ดำเนินการเองทั้งหมด และหากพิจารณาแล้วให้เอกชนร่วมลงทุน ก็จะเป็นการต่อสัญญากับเอกชนรายเดิม หรือทำสัญญากับเอกชนรายใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นไปในทิศทางใด  และยืนยันว่า ในพ.ร.บ. ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐฯ 2556 ระบุชัดว่าจะต่อหรือไม่ต่อสัญญากับเอกชนรายเดิมก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ตกลงกันได้  ขณะเดียวกันการทำงานต้องสอดคล้องกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยในเดือนเมษายน 2562 จะต้องได้ข้อยุติขั้นต้น จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการอนุมัติของครม.



ส่วนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ อนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) พลเอกวิวรรธน์ ระบุว่า หลังครม. อนุมัติกองทุนโครงการดังกล่าว ก็ต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และกทพ. ผ่านร่างสัญญาโอนและรับสิทธิโอนรายได้ ( Revenue Transfer Agreement : RTA) นำทางด่วน 2 เส้นเข้ากองทุน ซึ่งเป็นเส้นทางที่มั่นคง มีรายได้สูง คาดว่าจะเติบโตได้ดี   ทั้งนี้สัญญา RTA เป็นสัญญาที่ต้ดำเนินการรอบคอบ เพราะถือเป็นสัญญาขนาดใหญ่ที่กทพ. ใช้เงินลงทุนมากที่สุด โดยบอร์ดมีข้อท้วงติง 2-3 ประเด็น และให้ทำเป็นเอกสารแนบท้ายร่างสัญญา RTA ส่งสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) สคร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบความถูกต้อง เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ จะครอบคลุมกฎหมายหลายเรื่อง



หลังจากที่สัญญา RTA เสร็จแล้ว จะต้องดำเนินการตรวจสอบความต้องการของตลาด ขณะนี้เตรียมจัดทำแผนโรดโชว์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะเคาะราคาขาย ส่วนตัวหวังเป็นอย่างยิ่งกว่าจะมีผู้สนใจจำนวนมาก และยอมรับว่ามีความกังวลกับผลตอบรับของตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับระบบเศรษฐกิจการเงิน การคลัง  ส่วนผลตอบรับจะมีผลต่อเงินเดือน โบนัส พนักงานหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงคั้งแต่แรก กทพ. เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ยืนยันจะพิจารณาไม่ให้มีผลกระทบแน่นอน 

ข่าวทั้งหมด

X