กรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี หรือ ผอ.อ้อย ผอ.กองการศึกษาฯ อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษหายตัวปริศนา พร้อมรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน กษ 8201เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ต่อมาตำรวจสภ.กันทรลักษ์ สามารถตรวจยึดรถยนต์ของ ผอ.อ้อย จากอู่รถในท้องที่ ต.หัวเรือ อ.เมืองจ.อุบลราชธานี ก่อนดำเนินคดี 4 ข้อหากับ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง ผบ.ร.6 พัน.2ร้อย.2 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้ใช้เทคโนโลยี “ไซเบอร์คอป”นำเอาโปรแกรมฟิชชิ่ง ซึ่งรู้จักกันดี ในเหล่าแฮกเกอร์ เป็นการหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับดัก มีหลักการทำงานง่ายๆ คือ สร้างเฟซบุ๊กปลอม เขียนสคริปให้เหยื่อหลงกลกรอกชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน โดยได้ให้พี่สาวของ ผอ.อ้อย ส่งข้อความแชทในฟังก์ชั่นแมสเซ็นเจอร์ของแอพพลิเคชั่น “เฟซบุ๊ก” สนทนากับ ผอ.อ้อย ซึ่งปรากฏว่าไม่นานนัก ก็มีข้อความแชทของ ผอ.อ้อย ตอบกลับมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้เหน่งไปตรวจสอบสอบก็พบว่าอีมี่โทรศัพท์ของผู้กองเหน่งถูกลงชื่อเข้าใช้งานเฟซบุ๊กในนามของ ผอ.อ้อย อีกทั้งยังใช้ในการสนทนาผ่านเฟซบุ๊ก และผ่านแอปพลิเคชั่น“ไลน์” ในนามของผอ.อ้อย มาโดยตลอดโดยในวันที่ 23 ส.ค.ในช่วงเวลา 9.00 น.ได้นัดหมายกับ นายทหารพระธรรมนูญ กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ให้ควบคุมตัวผู้กองเหน่ง มาพบกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.กันทรลักษ์ ซึ่งจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้กองเหน่ง ข้อหากระทำผิด พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550โดยมีหลักฐานสำคัญแน่หนา เชื่อว่าเอาผิดได้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นนายหน้าที่รับซื้อรถยนต์เก๋งของ ผอ.อ้อย จากผู้กองเหน่ง ในข้อหา รับของโจร ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม ส่งผลให้ผู้กองเหน่ง ต้องถูกดำเนินคดีในศาลพลเรือน ไม่ใช่ศาลทหาร เหมือนก่อนหน้านี้