*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้08.30น.*

07 สิงหาคม 2557, 09:35น.


+++นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. ประเมินว่าการปรับขึ้นเงินเดือนที่ระดับร้อยละ 8 จะส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2558 มีเม็ดเงินส่วนใหญ่เพิ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านทางรายจ่ายประจำของภาครัฐ จำนวน 1.16 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยไตรมาสละ 3 พันล้านบาท  แต่การขึ้นเงินเดือนเลื่อนไปเป็นเดือนเม.ย.2558



+++ขณะนี้ สศค.ได้ศึกษาการจ่ายเงินภาษีให้คนจน เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือและกระจายรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย ประเมินว่า ภาระที่ต้องโอนเงินภาษีคืนคนมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์จะต้องใช้เงินประมาณ 5.56 หมื่นล้านบาทต่อปี มีผู้ที่ได้รับเงินโอนทั้งหมดประมาณ 18 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 27.5 ของประชากรทั้งหมด นายกฤษฎา กล่าวว่า มาตรการคืนภาษีคนจน อาจต้องปรับรายละเอียดอีกเล็กน้อย และจะเสนอให้รัฐบาลที่จะมีขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะ สศค. เห็นว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยลดหรือเลิกโครงการประชานิยม เป็นมาตรการทางการคลังที่ช่วยลดความยากจน แก้ปัญหาการกระจายรายได้ของประเทศ เป็นมาตรการแรงจูงใจให้คนจนมีความขยันในการทำงาน และเป็นการดึงคนเข้ามาอยู่ในระบบภาษี ที่จะใช้เป็นฐานข้อมูลอื่นในการออกมาตรการช่วยคนมีรายได้น้อย



+++สศค.กำหนดให้ผู้ที่ได้รับโอนเงินภาษีจากรัฐจะต้องมีอายุ 15-60 ปี โดยรายได้ตั้งแต่ 1 บาทแรก ไปจนถึง 30,000 บาทต่อปี จะได้เงินโอนภาษีจากรัฐร้อยละ 20ของรายได้ที่ได้รับ แต่หากรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อปีขึ้นไปก็จะได้รับโอนเงินภาษีลดลงร้อยละ 12 ของส่วนที่เกิน 30,000 บาท ไปจนถึงรายได้ 80,000 บาท จะไม่ได้รับเงินโอนภาษีจากรัฐ เพราะถือว่ามีรายได้ที่มากพอแล้ว  จะส่งผลให้ผู้มีรายได้ 10,000 บาทต่อปี ได้โอนเงินภาษี 2,000 บาท รายได้ 20,000 บาทต่อปี ได้โอนเงินภาษี 4,000 บาท รายได้ 30,000 บาทต่อปี ได้โอนเงินภาษี 6,000 บาทเป็นต้น



+++เรื่องการระบายข้าวที่อยู่ในสต๊อค วันนี้ กระทรวงพาณิชย์ เปิดระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1.76 แสนตัน นายวิชัย ศรีนวกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ประชุมยุทธศาสตร์ข้าวกับกระทรวงพาณิชย์ ว่า กลุ่มโรงสีเสนอให้เพิ่มมาตรฐานบังคับให้มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโรงสีกับผู้ส่งออก หรือผู้ค้าข้าวต่างๆ ที่มีการกำหนดรายละเอียดชนิด ปริมาณ ราคา และระยะเวลารับมอบสินค้า เพื่อลดปัญหาการไม่รับมอบข้าวและจ่ายราคาข้าวไม่ครบจำนวนตามที่ตกลงไว้  เป็นโอกาสที่ดีที่กระทรวงพาณิชย์จะระบายข้าวในวันนี้ ที่จะพิจารณาเรื่องการทำสัญญาที่เป็นธรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงเสนอให้รัฐลดระยะเวลารับมอบข้าวของผู้ชนะประมูลภายใน 30 วัน และกำหนดให้จ่ายเงินค่าข้าวเต็มจำนวน เพื่อลดปัญหาการทิ้งข้าวเหมือนในอดีต



+++ส่วนราคายางพารา นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคายางพาราไทยปีนี้มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจนถึงปีหน้า หลังจากปรับตัวสูงสุดช่วงต้นปี 2554 สะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิตกลุ่มสินค้ายางพารา ลดลง ร้อยละ 20.2 นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ยางพารา (ยางแผ่นรมควันและยางแท่ง) หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมราคาปรับลดลงเช่นกัน ลดลงร้อยละ 12.7 เนื่องจากผลผลิตยางธรรมชาติของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2556 มีผลผลิตถึง 3.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และผลผลิตของไทยมีสัดส่วนสูงที่สุดในโลก คือร้อยละ 31.6 รองลงมาคืออินโดนีเซียร้อยละ 26.6 ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนผลผลิตสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า ประเทศคู่ค้า สำคัญของไทย อาทิ จีน มาเลเซีย และญี่ปุ่น ลดการนำเข้ายางพารา ทำให้ยางพาราล้นสต๊อก เบื้องต้น   คสช. อนุมัติเงินกว่า 6 พันล้านบาท เพื่อชดเชยราคาให้ชาวสวนยางพาราทั่วประเทศเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ต่อจากนี้ภาครัฐ เกษตรกร และเอกชนต้องร่วมมือให้มากขึ้นในการพัฒนาและวิจัยนวัตกรรมยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่า ช่วยให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้มั่นคงและมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว



+++ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติเอกฉันท์ 7 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) ไว้ที่ร้อยละ 2 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนปรน หรือการคงดอกเบี้ยต่ำไว้ในปัจจุบัน จำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและยังไม่กระทบต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ กนง.มองว่า เศรษฐกิจโลก ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งส่วนใหญ่ต้องดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการใช้จ่ายภาคเอกชน หลังการเมืองคลี่คลาย แต่การส่งออกยังฟื้นช้า เช่นเดียวกับการใช้จ่ายภาครัฐ ที่ยังล่าช้ากว่าที่คาด  สาเหตุที่ส่งออกฟื้นตัวช้า มาจากข้อจำกัดด้านแรงงานที่ขาดแคลน  สินค้าที่ผลิตอาจไม่ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงเศรษฐกิจโลกแม้จะเริ่มฟื้นตัว แต่การส่งออกโลกไม่ได้ฟื้นตัวพร้อมกันหมดด้วย ต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจวันที่ 26 ก.ย. ว่าจะปรับประมาณการทั้งปีหรือไม่



+++หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และผลสำรวจความคิดเห็นประเด็นเศรษฐกิจเรื่องพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลวันแม่



+++นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา แถลงกลยุทธ์ธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารช่วงครึ่งหลังปี2557 ที่สำนักงานใหญ่



+++ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดเสวนาหัวข้อ เคล็ด (ไม่) ลับ...สู่ความสำเร็จ ปี 4 เรื่อง"พลิกโอกาส...สร้างเศรษฐี" เพื่อแบ่งปันความรู้ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี



+++สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)นำแนวทางหลักศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้กับเด็กและเยาวชน ในโครงการ ศาสนสถานสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเด็กนักเรียนเข้าร่วมโครงการ กว่า 800 คน นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการป.ป.ส. เปิดเผยว่า ดำเนินการเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และมีการอบรมเป็นรุ่นๆ ตลอด2ปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กชั้นป.4-ป.6 บ่ายนี้จะมีพิธีเปิดโดยพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน   



+++เหตุคนร้ายลักทรัพย์ผู้โดยสารบน ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 37 วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นขบวนรถที่มีตู้พิเศษ "เลดี้โบกี้" รวมอยู่ด้วยมีทรัพย์สินสูญหายเป็นโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง และเงินสดจำนวนหนึ่ง พล.ต.ต. ธนังค์ บุรานนท์ ผบก.ตำรวจรถไฟ ประสานไปยังหน่วยงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ช่วยตรวจพิสูจน์หาหลักฐานว่ามีการรมยาสลบบนขบวนรถตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ขณะนี้ตำรวจรถไฟได้เก็บรวบรวมตัวอย่างหลักฐานบางส่วนที่อยู่ภายในตู้ที่เกิดเหตุ เตรียมส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์นำไปตรวจพิสูจน์แล้วประกอบด้วย  ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม และปลอกหมอนพร้อมทั้งประสานขอความร่วมมือเชิญตัว ผู้โดยสารที่อยู่ภายในตู้ที่เกิดเหตุบางคนมาตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเจือปนในปัสสาวะ



+++เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวพนักงานรถไฟประจำขบวนรถดังกล่าวทั้ง 6 คน มาสอบสวนแล้วแต่ไม่พบพิรุธ และทุกคนมีประวัติ การทำงานดี โดยเฉพาะการตรวจสอบปัสสาวะของพนักงานรถนอนประจำตู้ที่ 10 ซึ่งเป็นตู้เกิดเหตุก็ไม่พบสารเสพติด แต่ต้นสังกัดสั่งพักงานชั่วคราวทั้งหมดแล้วจนกว่าจะสอบสวนแล้วเสร็จ



+++เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจจับ จริงจอมแชต ที่แยกซังฮี้ 13.30 น.ที่แยก บางลำพู 14.00 น.พร้อมกวดขัน จับจริง 5 จอม



และ 5 จริง พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เปิดเผยว่า การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (9) บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา ผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องรับโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท แม้จะใช้โทรศัพท์ขณะหยุดรถติดไฟแดงก็มีความผิดเนื่องจากยังควบคุมรถอยู่ นอกจากการสนทนาพูดคุยตามปกติแล้ว การใช้โทรศัพท์ยังครอบคลุมทั้งกดหมายเลขเพื่อโทร.ออก รับสายโทร.เข้า ฟังเพลง เล่นเกม รับ-ส่งหรือดูข้อความหรือพิมพ์ข้อความเอสเอ็มเอส หรืออีเมล์ ดูภาพ และกิจกรรมอื่นๆ ที่โทรศัพท์สามารถทำงานได้ ถือเป็นการใช้โทรศัพท์ทั้งสิ้น  สำหรับสถิติการจับกุมผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถวันที่ 5 สิงหาคม เป็นวันแรกที่กวดขันจับกุม สามารถจับกุมได้ 190 ราย



+++นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยปี 2557 ที่จัดทำโดย สพธอ. พบว่าอินเตอร์เน็ตได้เพิ่มบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก โดยค่าเฉลี่ยของการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสัปดาห์เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้งานโดยเฉลี่ย 32.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 4.6 ชั่วโมงต่อวัน ในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 50.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 7.2 ชั่วโมงต่อวัน หรือคนใช้เวลาเกือบ 1 ใน 3 ของวันเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต



 

ข่าวทั้งหมด

X