ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ในวันที่ 7 ส.ค. 2557 จะนำเรื่องการตรวจจับคลินิกรับทำอุ้มบุญย่านเพชรบุรีตัดใหม่ และกรณีการช่วยเด็กอุ้มบุญ9 คน ที่ย่านลาดพร้าวเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภา เบื้องต้นเชื่อว่าครั้งนี้จะมีการลงโทษเอาผิดแพทย์จากกรณีการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นรายแรก โดยเมื่อแพทยสภาได้รับรายชื่อแพทย์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)แล้วจะนำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการจริยธรรม จะมีการไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ากระทำผิดจริงจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่ในส่วนของหญิงที่รับอุ้มบุญยังไม่มีกฎหมายใดกำหนด ดังนั้น เห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการออกพรบ.การตั้งครรภ์โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.... ซึ่งมีการยกร่างไว้ตั้งแต่ปี 2551 โดยพรบ.นี้จะทำให้สามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำอุ้มบุญทั้งหมดตั้งแต่หญิงรับทำอุ้มบุญ เอเจนซี่และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ไม่เฉพาะแพทย์ที่ผิดตามข้อบังคับแพทยสภาที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น
ด้านนพ.กำธร พฤกษานานนท์ ประธานอนุกรรมการเวชศาสตร์เจริญพันธ์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราชวิทยาลัยสูตินรีฯไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งให้ความรู้กับประชาชนเรื่องเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทั้งการทำอุ้มบุญ เด็กหลอดแก้ว โดยยืนยันว่าแพทย์ที่ปฎิบัติจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะตลอดการทำอุ้มบุญทั้งการเก็บไข่ เก็บสเปร์ม และการฉีดตัวอ่อนเพื่ออุ้มบุญ แพทย์จะต้องพบทั้งพ่อแม่ที่แท้จริงและแม่อุ้มบุญอยู่แล้ว หากสงสัยสามารถสอบถามกลับไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ่อแม่เป็นชาวต่างเชื้อชาติ ภาษา อย่างกรณีน้องแกรมมี่ สามารถสงสัยได้ เพราะตามประกาศแพทยสภากำหนดให้ทำการอุ้มบุญได้เฉพาะกรณีเป็นญาติทางสายเลือดเท่านั้น และกลุ่มราชวิทยาลัยสูตนรีฯ ยืนยัน ตามประกาศแพทยสภาว่าการทำอุ้มบุญต้องทำในเครือญาติ หรือคนสายเลือดเดียวกันเท่านั้น