*ประชาชนรอรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวที่รพ.ศิริราช/ยิ่งลักษณ์ยังไม่แจ้ง กลับไทยหรือไม่/พ่อแม่ออสซี่โต้ตอบแม่อุ้มบุญคนไทย*

06 สิงหาคม 2557, 19:42น.


สรุปข่าว 19.35 น



+++หลังสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จโรงพยาบาลศิริราช เพื่อตรวจพระวรกาย ความเคลื่อนไหวที่รพ.ศิริราชขณะนี้ มีประชาชนทะยอยจับจองพื้นที่ ของทั้ง 2 ข้างทาง ที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่าน รายงานข่าวแจ้งว่า นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ได้จัดพื้นที่ให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จตั้งแต่ประตู8 โรงพยาบาลศิริราช จนถึงหอประชุมราชแพทยาลัย ซึ่งเป็นระยะทางรวม 1 กิโลเมตร



+++พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป(ศปป.) กล่าวว่า กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการประสานงานว่าจะมีการเลื่อนเวลากลับ เพราะว่ายังไม่ถึงวันที่ 10 ส.ค. ที่เป็นวันครบกำหนดขอเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้นต้องให้ถึงเวลาก่อนกำหนด ถ้าว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาจริง ๆ ก็จะต้องชี้แจงเหตุว่าติดภารกิจอะไรที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งว่าจะอนุญาตให้อยู่ต่อหรือไม่  โดยก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แจ้งต่อ คสช. โดยมีการแสดงหลักฐานที่เป็นตั๋วเครื่องบินไปและกลับ ที่พักอาศัยในต่างประเทศที่ชัดเจน รวมถึงกิจกรรมที่จะไปทำในระหว่างอยู่ต่างประเทศ  ส่วนแนวโน้มการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ แต่จะสามารถยกเลิกได้ภายหลังที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยจะนำเรื่องดังกล่าวให้รัฐบาลพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าสมควรยกเลิกหรือไม่อย่างไร



+++ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศของน.ส.กริชสุดา คุณะแสน และมีความพยายามลี้ภัยในต่างประเทศ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า กรณีของน.ส.กริชสุดาเป็นความพยายามชี้นำสังคม โดยเฉพาะต่างประเทศให้คล้อยตามเพื่อให้มองว่าเป็นประเด็นทางการเมือง  เรื่องที่น.ส.กริชสุดากล่าวอ้างนั้นไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าตั้งแต่เริ่มต้นสถานการณ์ในวันที่ 22 พ.ค.  คสช.คำนึงเรื่องหลักสิทธิมนุษยชนมาตลอด ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นเรื่องปกปิด ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม



+++ขณะเดียวกัน ในโลกสังคมออนไลน์ กำลังมีการแชร์ภาพแคปเจอร์หน้าจอบทสนทนาไลน์ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นการสนทนาของ น.ส.กริชสุดา กำลังพิมพ์ข้อความโต้ตอบกับบุคคลนิรนามรายหนึ่ง ที่ชื่นชมบทสัมภาษณ์ ที่ น.ส.กริชสุดา กล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทารุณกรรมอย่างรุนแรง ระหว่างถูกควบคุมตัวในค่ายทหารเพื่อรีดข้อมูล โดยมีนายจอม เพชรประดับ ผู้ดำเนินรายการข่าว ว่า เนียนดี ตอนนี้ น.ส.กริชสุดา อยู่ที่ฝรั่งเศสเช่นเดียวกับนายจอม แถย้ำด้วย นายส่งสายเข้าไปแฝงแล้ว รอหลักฐานครบๆ ก่อนค่อยทลายทีเดียว งานนี้ข่าวใหญ่เลยล่ะ เดี๋ยวไว้กลับมา นายคงตบรางวัลให้อย่างงาม แล้วเรื่องคดีเก่าๆ ไม่ต้องห่วง กันไว้เป็นพยาน แน่นอน อย่างไรก็ตาม  เมื่อข้อความดังกล่าวถูกแพร่เผยไปในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย นายอรรถชัย อนันตเมฆ อดีตนักแสดง ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า บทสนทนาดังกล่าว ไม่ใช่ของจริง เป็นการปลอมแปลงขึ้นมา



+++นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ  กล่าวว่า โจทย์เร่งด่วนสำหรับเศรษฐกิจการคลังของไทยในขณะนี้คือ การปิดช่องโหว่ในการที่จะให้ภาคการเมืองเข้าไปมีโอกาสใช้เงินนอกงบประมาณผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพื่อมาใช้ในโครงการประชานิยมต่างๆ เพราะสิ่งนี้จะก่อให้เกิดการขาดวินัยทางการคลัง ซึ่งจะเห็นว่านโยบายประชานิยมจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อันเกิดจากการที่รัฐบาลสามารถใช้เงินนอกงบประมาณได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงมองว่าสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) จำเป็นต้องเร่งปิดช่องโหว่ในส่วนนี้ และถือเป็นความท้าทายในลำดับแรกที่จะต้องเร่งดำเนินการ



+++หลังจากตรวจค้นบ้านของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจค้าไม้และน้ำมันรายใหญ่ จ. พบตู้เซฟ 8 ตู้ วันนี้จึงได้เปิดเซฟตรวจสอบ พบเงินสดสกุลต่างชาติ และเงินไทยรวมกว่า 28.3 ล้านบาท ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ เครื่องเพชร และพระเครื่อง มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท จึงยึดไว้ตรวจสอบ  พ.อ.จตุพร กลัมพสุต รองผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กล่าวว่า นอกจากทรัพย์สินที่พบแล้ว ยังพบบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่หลายระดับตั้งแต่ระดับต้น จนถึงระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ในตู้เซฟด้วย โดยจะนำรายชื่อส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป   สำหรับนายสหชัยนั้น เป็นนักธุรกิจค้าไม้ และน้ำมันใน จ.ปัตตานี ถูกสงสัยว่ามีส่วนในการให้การสนับสนุนผู้ก่อความไม่สงบ และถูกเจ้าหน้าที่ใช้กฎอัยการศึกเข้าค้นบ้าน และแจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ล่าสุดได้ประกันตัวออกไปแล้ว



+++การรับจ้างอุ้มบุญ พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ บก.ปคมเปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นความผิดตามกฎหมาย  บก.ปคม.จะประสานการทำงานร่วมกับแพทยสภา เนื่องจากณะนี้ได้มีการตรวจสอบคลีนิกที่รับทำอุ้มบุญให้หญิงสาวคนดังกล่าว โดยแพทยสภาจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม และ พ.ร.บ.สถานพยาบาลกรณีการอุ้มบุญเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม รวมถึงข้อกำหนดและประกาศของแพทยสภา เรื่องมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งมีข้อกำหนดว่า ถ้าจะอุ้มบุญนั้นทำได้ในกรณีใด เช่น ต้องเป็นญาติโดยสายเลือดให้ผู้หญิงที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ และจะต้องไม่มีการเรียกรับค่าตอบแทนใด ๆ จากการอุ้มบุญ



+++สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า พ่อแม่ชาวออสเตรเลียของน้อง"แกมมี" ที่ถูกกล่าวหาว่าทิ้งลูกที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมไว้กับหญิงไทยที่รับอุ้มบุญ กล่าวกับสื่อท้องถิ่นออสเตรเลียว่า นางสาวภัทรมน จันทร์บัว ผู้อุ้มบุญน้องแกมมี่โกหกหลายประเด็น   ยังอ้างถึงคำสัมภาษณ์ของเพื่อนของคู่สามีภรรยาคู่นี้ โดยระบุว่า แกมมีป่วยมากๆ ตอนเกิด   และพ่อแม่อุ้มบุญชาวไทยได้บอกกับพ่อแม่ออสเตรเลียว่า เด็กน่าจะมีชีวิตเพียง 1 วัน คิดว่าน่าจะไม่รอดชีวิต อย่างดีที่สุดคือ ทำได้เพียงบอกลาเด็กคนนี้ เพื่อนของคู่สามีภรรยาออสเตรเลีย ยังระบุอีกว่า นางสาวภัทรมนทำผิดสัญญาในการอุ้มบุญ   ด้วยการคลอดเด็กในโรงพยาบาลขนาดเล็กกว่า ไม่ใช่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ระดับนานาชาติตามสัญญา อีกทั้ง คู่สามีภรรยาออสเตรเลียยังต้องต่อสู้ในทางกฎหมายเพื่อเอาตัวลูกแฝดหญิงของตนไป แต่นางสาวภัทรมนยืนกรานที่จะเก็บแกมมีไว้ โดยบอกว่า จะจัดทำพิธีศพให้น้องแกมมีเองที่ประเทศไทย



+++นายสุวิทย์ ศิริรักษ์ และ น.ส.อโนทัย วรรณวงษ์ 2 สามีภรรยา เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง หลังถูกออกหมายจับกรณีมีพฤติกรรมเก็บค่าคุ้มครอง โดยการบังคับขายเสื้อวินตัวละ 25,000-65,000 บาท และบังคับเก็บรายเดือนอีกถึง 1,000-1,000 บาท แต่หากไม่ยอมจ่ายจะให้หยุดวิ่งรถหรือถูกทำร้ายร่างกาย และใช้อาวุธปืนข่มขู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เข้าตรวจค้นบ้านพัก พบอาวุธปืน 3 กระบอก และเครื่องกระสุนจำนวนมาก และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง



ต่างประเทศ



+++การหยุดยิง 3 วันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสก้าวสู่วันที่ 2 แล้วในวันนี้ ยุติการสู้รบที่ดำเนินมา 1 เดือน ก่อนมีการเจรจาในกรุงไคโรของอียิปต์ เพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงในระยะยาว และครอบคลุมแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในทุกๆด้าน ขณะเดียวกัน ชาวปาเลสไตน์ ใช้โอกาสพักรบช่วงนี้ออกไปซื้ออาหารและสินค้าตามร้านค้าตามท้องถนนต่างๆ หลายคนกลับไปสำรวจบ้านเรือนที่เสียหาย แต่อีกส่วนหนึ่งยังคงอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวเนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะมีการหยุดยิงอย่างแท้จริง



+++ท้องถิ่นของจีนรายงานว่า รัฐบาลท้องถิ่นในเมืองคาราเมย์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลซินเจียงของประเทศจีน สั่งห้ามผู้โดยสาร 5 จำพวกไม่ให้ใช้บริการรถเมล์สาธารณะคือ คนที่สวมชุดคลุมหน้า,สวมผ้าโพกศรีษะ,ชุดลำลองสำหรับสตรีมุสลิมที่เรียกว่าฮิญาบ,เครื่องแต่งกายที่มี สัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม, และคนที่ไว้หนวดเครายาว เป็นไปตามมาตรการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ มาตรการนี้จะใช้บังคับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดการแข่งขันกีฬาประจำท้องถิ่น  ด้านสมาคมชาวมุสลิมอุยกูร์พลัดถิ่นในกรุงวอชิงตันของสหรัฐและกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวว่า เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม



หุ้นไทยและต่างประเทศ



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดลดลง 6.57 จุด อยู่ที่ 1,522.41จุด มูลค่าซื้อขาย 49,916.70ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,048.34ล้านบาท



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาด ลดลง160.52 จุด ที่ 15,159.79 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.ปีนี้



 +++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาด ลดลง 64.13 จุด ที่ 24,584.13 จุด

ข่าวทั้งหมด

X