+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการเตรียมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ให้กับหัวหน้าหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ กว่า 1,600 คน โดยต้องการให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันทำงบประมาณแบบบูรณาการร่วมกัน ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลได้เน้นการจัดทำงบประมาณแบบพื้นที่ แบ่งเป็นระดับภาคทั้งหมด 6 ภาค เพื่อเป็นการกระจายงบประมาณลงไปพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน ช่วยสนับสนุนแนวทางการหารายได้เพิ่มให้กับประชาชนในระดับภูมิภาค โดยจากนี้ไปขอให้ทุกหน่วยงานไปทำแผนการของบประมาณให้สอดคล้องกันกับนโยบายให้เสร็จภายใน 2 เดือนจากนี้
+++สำหรับการจัดทำงบประมาณประจำปี 2562 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณประจำปี 2562 โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ 6 ด้าน ทั้งความมั่นคง สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน แก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการเติบโตจากภายใน การจัดการน้ำ และสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
+++นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ว่าขอให้จังหวัดทบทวนมาตรการในการดูแลปัญหาต่างๆ ในพื้นที่อย่างเป็นระบบ รอบด้าน โดยให้จัดประชุม คณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัด หรือ คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายใน และร่วมประเมินติดตามข่าวสารอย่างรอบด้าน ร่วมกันกำหนดมาตรการสำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหา เช่น ปัญหาการใช้สื่อสังคมปล่อยข่าวสร้างความสับสน หรือความไม่สงบในพื้นที่ หรือแอบอ้างเชิญชวนประชาชนไปยังที่ต่างๆโดยมีวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย หรือมีความเคลื่อนไหว อื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ยุติลงเป็นรูปธรรม ไม่ให้ปัญหาลุกลามหรือขยายผลจัดชุดปฏิบัติการไปพบปะพูดคุยกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป้าหมายก่อนเกิดเหตุหรือป้องปรามการเคลื่อนไหวเพื่อยุติการเกิดเหตุ โดยใช้การเจรจาแบบสมานฉันท์ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนให้เจ้าหน้าที่ทำบันทึกเป็นเอกสาร หลักฐานหรือการถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวหรือมีการลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้มีหลักฐานในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในโอกาสต่อไปด้วย
+++นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องกำกับดูแลการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าด้วยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งว่ามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนหนึ่งได้จัดทำโครงการศึกษาดูงาน หรือการสัมมนาหรือกิจกรรมอื่นใดที่เป็นการนำประชาชนในพื้นที่เดินทางเข้ามาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ถือว่าเป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ กำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดฝึกอบรมและเดินทางไปศึกษาดูงานหรือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและการเข้ารับการฝึกอบรมของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น โดยต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ คำนึงถึงความคุ้มค่า และกำกับดูแลไม่ให้จัดทำโครงการศึกษาดูงานในลักษณะมีเจตนาแอบแฝงเพื่อนำประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้หากพบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดจงใจ หรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามระเบียบและหนังสือสั่งการ ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ตามประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ฉบับที่ 104/2557
+++กรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์การบูรณะวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ว่ามีการเปลี่ยนสีพระปรางค์เป็นสีขาวโพลน อีกทั้งลวดลายกระเบื้องแตกต่างจากเดิมอย่างมาก 15.30 น.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร กรมศิลปากร จะมีการแถลงกรณีประเด็นการบูรณะวัดอรุณราชวรารามวรวิหาร ตามที่มีการแชร์ในโลกโซลเชี่ยมีเดีย โดยมีนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยผู้บริหารกรมศิลปากรร่วมแถลง ก่อนหน้านี้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ชี้แจงว่า กระเบื้องสีที่นำขึ้นไปประดับบนองค์พระปรางค์ เป็นการซ่อมเปลี่ยนแทนวัสดุเดิมที่ร่วงหล่น ส่วนที่เป็นของดั้งเดิมที่ยังคงสภาพดีอยู่ ก็คงไว้ดังเดิม ซึ่งรูปถ่ายที่มีการนำมาเปรียบเทียบลักษณะก่อนและหลังบูรณะ เป็นการนำปรางค์ทิศ มาเปรียบกับ ปรางค์ประธาน ลวดลายและทรวงทรงจึงแตกต่างกันส่วนขององค์ปรางค์ที่เห็นเป็นสีขาว เกิดจากการทำความสะอาดคราบตะไคร่น้ำ และทาสีน้ำปูน ซึ่งเป็นสีดั้งเดิมขององค์พระปรางค์ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
+++เกิดเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ขึ้นที่เกาะไต้หวัน เมื่อค่ำวานนี้ ส่งผลให้ประชาชนเกือบ 7 ล้านครัวเรือนได้รับผลกระทบไม่มีไฟฟ้าใช้ ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวกว่า 32 องศาเซลเซียส โดยเหตุไฟดับนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.00 น. สาเหตุเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของเจ้าหน้าที่ในโรงส่งก๊าซ ซีพีซี คอร์ป ซึ่งกระทบถึงการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ไต้หวัน เพาเวอร์ โค ในเมืองเถาหยวน ซึ่งเมื่อไฟฟ้าดับ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 6 ตัวจึงหยุดทำงาน และทำให้กระแสไฟฟ้าทั่วเกาะไต้หวันถูกตัด ก่อนที่ไฟฟ้าจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติในวันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ นายหลี่ ชื่อกวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไต้หวัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบทันที โดยจะยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเท่ากับว่าเขาปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจได้เพียงปีเศษๆ
CR:แฟ้มภาพ รัฐบาลไทย