+++สถานการณ์น้ำท่วมหนัก หลายประเทศในเอเชียใต้ ทั้ง เนปาล,บังกลาเทศและอินเดีย หลังฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุมทำให้มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 160 ศพ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ค้นหาผู้สูญหายหรือช่วยเหลือผู้ติดค้างอยู่ในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม
+++นายพุชการ์ การ์กี โฆษกตำรวจเนปาล ระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 115 ศพ หลังเกิดเหตุน้ำท่วมและดินสไลด์ มีคนสูญหาย 38 คน ภาพข่าวทางโทรทัศน์แสดงให้เห็นชาวบ้านถือข้าวของหรือจูงปศุสัตว์เดินลุยน้ำท่วมถึงอกจากบ้านเรือนไปยังที่ปลอดภัย
+++ในบังกลาเทศ เจ้าหน้าที่ กล่าวว่า เหตุน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศมีคนเสียชีวิตแล้ว 27 ศพในช่วง 2-3 วัน ชาวบ้านกว่า 5 แสนคนได้รับความเดือดร้อน และต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว
+++ส่วนที่อินเดีย มีคนเสียชีวิตแล้ว 25 ศพ ชาวบ้านราว 2 ล้านคน ได้รับความเดือดร้อน เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศของอินเดียคาดว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงวันนี้
+++ความคืบหน้าเหตุโคลนถล่มทับบ้านประชาชนชานกรุงฟรีทาวน์ เมืองหลวงของเซียราลีโอน หน่วยกู้ภัยเก็บกู้ศพได้แล้วเกือบ 400 ศพ ประธานาธิบดีเออร์เนสต์ บาอี โคโรมา เรียกร้องชาวบ้านของเมืองจีเรนจ์และพื้นที่น้ำท่วมอื่นๆรอบๆกรุงฟรีทาวน์ ให้อพยพทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยกู้ภัยเดินหน้าค้นผู้รอดชีวิตที่อาจถูกฝังใต้เศษซากต่างๆ บ้านเรือนประชาชนหลายสิบหลังจมอยู่ใต้กองโคลน หนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในทวีปแอฟริกาเนื่องจาก เจ้าหน้าที่คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจะพุ่งขึ้นถึง 500ศพ คาดว่า มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอย่างน้อย 3,000 คน และต้องการความช่วยเหลือด้านที่พักพิง ทางการแพทย์และอาหาร นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องการระบาดของโรคติดต่อ อย่างเช่นอหิวาตกโรคและไทฟอยด์
+++สื่อท้องถิ่นของโปรตุเกส รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุต้นโอ๊คอายุราว 200 ปีหักโค่นลงมาทับผู้คนในงานเทศกาลทางศาสนา นอสซา เซนโฮรา โด มอนเต เทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของเกาะมาไดรา ใกล้กับเมืองฟันชาล เมืองหลวงบนเกาะมาไดรา ขณะที่นายเปโดร รามอส หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขภูมิภาค เปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ ในจำนวนนี้ 10 ศพเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและอีก 2 ศพเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมี 52 คน
+++นายมิเกล อัลบูเกอร์เก หัวหน้ารัฐบาลท้องถิ่นบนเกาะมาไดรา ประกาศไว้ทุกข์ 3 วันเพื่อแสดงความอาลัยต่อผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ คอสตา ของโปรตุเกส กล่าวผ่านทางทวีตเตอร์ แสดงความเสียใจ
+++เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซีย จับกุมผู้ต้องสงสัย 5 คนเชื่อว่าเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงที่เตรียมการวางแผนก่อการร้ายด้วยการวางแผนระเบิดถล่มทำเนียบประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซีย ตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ใกล้กับกรุงจาการ์ตา ในจำนวนนี้ 2 คนเป็นคู่สามีภรรยา ซึ่งถูกเนรเทศออกมาจากฮ่องกง ข้อหาเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรงและสอนเทคนิคการประกอบระเบิดผ่านทางเว็บไซต์ของชาวอินโดนีเซีย เชื่อว่า ไปเข้าร่วมต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในประเทศซีเรียแล้ว
+++สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ นายเรย์ โทโนริโอ รองผู้ว่าการเกาะกวม แถลงแสดงความยินดีที่นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ชะลอการอนุมัติคำสั่งยิงขีปนาวุธโจมตีเกาะกวม ซึ่งรัฐบาลเกาะกวมเชื่อว่า คำข่มขู่ดังกล่าวน่าจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เนื่องในวันครบรอบ 72 ปี การปลดแอกคาบสมุทรเกาหลีออกจากการอยู่ภายใต้อิทธิพลของจักรวรรดิญี่ปุ่นมากกว่า และแถลงการณ์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ บ่งชี้ว่า นายคิม จอง-อึน สงบลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ทั้งนี้ ทางการเกาะกวมและทหารอเมริกันในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา
+++รอยเตอร์ รายงานอ้างนายโมฮัมเหม็ด อัลโคดารี โฆษกกระทรวงกลาโหมอิรัก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อัลซุมาริยาในกรุงแบกแดดว่า กองทัพอิรักเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศไปยังฐานที่มั่นกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในเมืองตัลอะฟาร์ ทางตะวันตกของเมืองโมซุลเพื่อยึดเมืองคืน
+++เมืองตัลอะฟาร์ อยู่ห่างเมืองโมซุล ไปทางตะวันตกราว 80 กม.จะเป็นเป้าหมายถัดไปที่กองทัพอิรักจะบุกยึดกลับคืนมาหลังกลุ่มไอเอสบุกเข้ายึดพื้นที่
+++ไปที่ซีเรีย สถานการณ์ที่เมืองอเล็ปโปทางภาคเหนือของซีเรีย นับตั้งแต่กองทัพซีเรีย ขับไล่ฝ่ายกบฏออกจากพื้นที่ทางตะวันออกของเมือง ควบคุมสถานการณ์ในเมืองอเล็ปโปได้ทั้งหมด สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเดิมคือชาวบ้านหลายพันคนที่เคยละทิ้งบ้านเรือนหลบหนีสงครามขณะนี้เริ่มทยอยเดินทางกลับมา ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังชีพอยู่ได้เนื่องจากได้รับบริจาคสิ่งของบรรเทาทุกข์จากองค์กรการกุศล ชาวบ้านจะรีบวิ่งไปเข้าแถวทันทีที่เห็นรถบรรทุกขนมปังขององค์กรการกุศลแล่นไปแจกจ่ายขนมปัง ซึ่งประชาชนจะต้องแสดงบัตรเพื่อขอรับแจกขนมปัง ซึ่งพอจะรับประทานได้เพียงวันเดียวเท่านั้นต่อการรับแจกขนมหนึ่งครั้ง
+++นายฟิกิเล เอ็มบาลูลา รัฐมนตรีตำรวจของแอฟริกาใต้ เปิดเผยว่า นางเกรซ มูกาเบ วัย 52 ปี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซิมบับเวและภริยาของ นายโรเบิร์ต มูกาเบ วัย 93 ปี ประธานาธิบดีแห่งซัมบับเว ได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจแอฟริกาใต้ โดยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังมีรายงานเรื่องเธอทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ตำรวจกำลังพิจารณาเรื่องนี้แต่เธอจะต้องถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย มีรายงานว่า น.ส.กาเบรียลลา เอสเจลส์ นางแบบสาววัย 20 ปีชาวแอฟริกาใต้ได้ไปเยี่ยมบุตรชายของประธานาธิบดีมูกาเบในโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตแซนตันของเมืองโจฮันเนสเบิร์กเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ และได้พบกับ นางเกรซ มูกาเบ ซึ่งเดินตรงเข้ามาหาเธอและทำร้ายเธอ ปรากฏรอยแผลที่หน้าผาก เมื่อมีแผลบนใบหน้าของเธอซึ่งเป็นนางแบบ ถือว่าทำลายอาชีพของเธอ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เหตุใดนางเกรซ มูกาเบถึงทำร้ายเธอ
CR:www.dw.com ,AP