*ตร.ปสง.สถานทูตญี่ปุ่นให้พ่อเด็กเด็กทารก 9 คน มาให้ปากคำ หลังต้องสงสัยอุ้มบุญ*

06 สิงหาคม 2557, 16:27น.


ความคืบหน้า หลังการเข้าตรวจค้นแหล่งที่พักย่านลาดพร้าว พบเด็กทารก 9 คน ซึ่งคาดว่าจะเกิดจากการอุ้มบุญ พร้อมพี่เลี้ยง9คน และ มีหญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์1คน   ในวันนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ ปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาการรับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายร่วมการประชุม เช่น พล.ต.ท. นพ. จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะอุปนายกแพทยสภา และตัวแทนจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์



หลังการประชุม พล.ต.อ เอก  เปิดเผยว่า จากนี้ จะต้องมีการสืบหาขัอเท็จจริงต่อไป เบื้องต้นทราบชื่อชาวญี่ปุ่นที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นพ่อเด็กทั้ง9 คนแล้ว อยู่ระหว่างการประสานสถานทูตเพื่อขอให้เดินทางมาให้ปากคำ และต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน คาดว่า ภายใน 7วันจะมีการรายงานผลความคืบหน้าอีกครั้ง หากพบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด  ซึ่งได้มอบหมายให้พล.ต.ต ชยุท ธนทวีรัชต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ดูแลคดีดังกล่าว



ด้าน พล.ต.ท จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะ อุปนายกสมาคมแพทยสภา กล่าวว่า การอุ้มบุญถือว่าเป็นปัญหามานาน ในต่างประเทศ บางประเทศ มีกฎหมายอนุญาต ให้มีการอุ้มบุญได้ ซึ่งจะมีกฏเกณฑ์ในการดำเนินการที่รัดกุม แต่ในบางประเทศก็ไม่อนุญาตให้อุ้มบุญในทุกกรณี  สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีกม.รองรับ แต่มีการพยายามผลักดันร่างพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ยังค้างการพิจารณาอยู่ในสภา  



สำหรับ ในประเทศไทยการอุ้มบุญจะสามารถทำได้ ก็ต่อเมื่อ เกิดปัญหาการมีบุตรยากและ ผ่านการรักษาจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญมาแล้ว พบว่าสาเหตุที่ไม่สามารถมีบุตรได้ เกิดจากฝ่ายแม่ จึงสามารถใหัญาติมาตั้งท้องแทนได้ แต่จะต้องไม่เป็นการจ้างหรือทำในเชิงพาณิชย์  ส่วนปัญหาที่พบในขณะนี้แต่ต้องตรวจสอบต่อไป คือ เด็กทั้ง 9 คนป็นลูกของชาวญี่ปุ่นจริงหรือไมี และใครเป็นแม่เด็ก และหากมีการอุ้มบุญ จะต้องตรวจสอบต่อว่าใครเป็นผู้อุ้มบุญ รวมถึงสถานพยาบาลที่ดำเนินการ จะต้องถูกตรวจสอบด้วย แม้ว่า ในปัจจุบันจะยังไม่มีกฏหมายในการเข้าผิด การอุ้มบุญโดยตรง แต่ในเบื้องต้น ตร.จะให้พรบ.คุ้มครองเด็ก ในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ส่วนแพทย์ และสถานพยาบาลหากตรวจสอบพบว่าเกี่ยวขัองกับการอุ้มบุญ ตามคำสั่งของแพทยสภาสามารถเพิกถอนใบอนุญาตได้ทันที



ด้าน นางปวีณา กล่าวด้วยว่า ในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่สมควรจะมีการอุ้มบุญ      เนื่องจากจากสถิติการค้ามนุษย์ การค้าประเวณี ที่เกิดจากการอุ้มบุญมีจำนวนมาก   รวมถึงมีการรับแจ้งว่า นอกจากการรับจ้างอุ้มบุญแล้วยังมีการอุ้มบุญเพื่อผ่าคลอดก่อนกำหนดเพื่อนำไขสันหลังเด็กมาใช้ประโยชน์ด้วย  นางปวีณาได้ฝากถึง ผู้หญิงที่ขณะนี้อาจกำลังอุ้มบุญอยู่และไม่รู้จะแกัปัญหาอย่างไร ว่าสามารถติดต่อตำรวจเพื่อขอให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ได้ หรือติดต่อมูลนิธีปวีณาเพื่อขอความช่วยเหลือ ได้ เนื่องจากกลัวว่า ผู้อุ้มบุญจะแก้ปัญหาด้วยการทำแท้ง

ข่าวทั้งหมด

X