เหตุรุนแรงต่อเนื่องที่เมืองชาร์ลอตต์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ ทำให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอได้รับคำสั่งให้เข้าไปดำเนินการสืบสวนตามฐานความผิดหลัก คือการละเมิดสิทธิพลเมือง ซึ่งเริ่มจากการปะทะกันของผู้ชุมนุมคัดค้านการย้ายอนุสาวรีย์วีรบุรุษในเหตุการณ์สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกลุ่มคนชาวคลั่งชาติและกลุ่มขวาจัด กับกลุ่มผู้สนับสนุนให้ย้ายอนุสาวรีย์ ตามมาด้วยเหตุการณ์ชายต้องสงสัยขับรถยนต์พุ่งชนกลุ่มผู้สนับสนุนที่กำลังเดินขบวนกันอยู่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพและบาดเจ็บอีก 19 คน ทั้งยังมีตำรวจเสียชีวิตอีก 2 นายจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกใกล้กับจุดที่มีการชุมนุม ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณใกล้เคียง และมีผู้บาดเจ็บอีก 15 คนจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนขาวคลั่งชาติด้วย
นายเจฟฟ์ เซสชันส์ รัฐมนตรียุติธรรมของสหรัฐฯ ระบุว่า นายริค เมาท์แคสเซิล อัยการกลางสหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำสืบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้รับความเห็นชอบและการสนับสนุนจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เนื่องจากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายและความยุติธรรมของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเป็นการกระทำที่เกิดจากการคลั่งเชื้อชาติและความเกลียดชัง รวมทั้งเป็นการทรยศต่อค่านิยมหลักของสหรัฐฯ เรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ลอตต์วิลล์จึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ ทั้งนี้ เอฟบีไอจะรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพื่อใช้ในการดำเนินคดีต่อไป ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการเรือนจำอัลเบอร์มาร์ล-ชาร์ลอตต์วิลล์เผยว่าขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุขับรถยนต์ไว้ที่เรือนจำ พร้อมระบุชื่อว่าคือนายเจมส์ อเล็กซ์ ฟิลด์ จูเนียร์ วัย 20 ปี จากรัฐโอไฮโอ ซึ่งตำรวจท้องถิ่นได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไม่ได้มีการไต่ตรองไว้ก่อน ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และการไม่หยุดรถหลังเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ด้านมารดาของนายฟิลด์กล่าวว่าบุตรชายบอกกับเธอก่อนหน้านี้ว่า เขาจะไปเข้าร่วมชุมนุมการคัดค้านแผนการย้ายอนุสาวรีย์ในเมืองชาร์ลอตต์วิลล์ และเธอได้ย้ำกับลูกชายว่าให้เข้าร่วมด้วยความสงบ นอกจากนายฟิลด์แล้ว วานนี้ตำรวจเวอร์จิเนียยังได้จับกุมตัวชายผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ฐานพกพาอาวุธปืน ฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งทำร้ายร่างกายด้วย
**12.22F174