เลขาธิการ ปปท. เผย นายกฯย้ำ ให้แก้ปัญหาทุจริตต้องเท่าเทียมรอบคอบ โกงเก่าต้องหมด โกงใหม่ต้องไม่เกิด

11 สิงหาคม 2560, 16:30น.


หลังการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม  นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) กล่าวว่า ก่อนการประชุมนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่า การดำเนินคดีกับทุกกลุ่ม ต้องให้ความเท่าเทียม และแก้ปัญหายึดหลักความรอบคอบไม่แก้ปัญหาเก่า แล้วสร้างปัญหาใหม่ ขณะที่คณะอนุกรรมการด้านการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ ได้รายงานความคืบหน้ากิจกรรมที่ดำเนินงานมาตลอด 3 ปี เช่น หลักสูตรโตไปไม่โกง จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาให้ครอบคลุม ขยายโรงเรียนเป้าหมาย ปรับเนื้อหาเน้นการวิเคราะห์ ขณะเดียวกันการเผยแพร่จะเน้นการใช้สื่อเทคโนโลยีมากขึ้น และขยายจากโรงเรียนไปยังครอบครัว เพื่อปลูกจิตสำนึกให้กับเด็กก่อนวัยเรียนมีภูมิคุ้มกันโตไปไม่โกง ส่วนสื่อรณรงค์ประเทศไทยไม่โกง จะเพิ่มตอนการเสนอ อีก 20 ตอน พร้อมวางแผนการเผยแพร่สื่อรณรงค์ให้ไปในสื่อออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคน แสดงรายการทรัพย์สินและหนีสินจัดเก็บไว้ที่ต้นสังกัดโดยใช้ระบบดิจิทัล ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปศึกษาผลกระทบ กำหนดกรอบให้รัดกุม และดูว่ามีประเทศใดทำบ้าง



ขณะที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้เสนอผลการดำเนินงานในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ตามเป้าหมายของนายกรัฐมนตรีว่า โกงเก่าต้องหมดไป โกงใหม่ต้องไม่เกิด ไม่เปิดโอกาสให้โกงโดยได้สร้างกลไกลรองรับเป้าหมายแต่ละด้าน เช่น การตั้งศาลคดีอาญาทุจริต การแก้ไขกฎหมาย การมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำผิด โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่า การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังนั้น ให้ประชาชน เอกชน มีส่วนร่วมกับภาครัฐ เฝ้าระวังการทุจริตและแจ้งเข้ามา โดยมีศอตช. รับข้อร้องเรียนส่งให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบภายใต้กฎหมายบริหารงานบุคคล ทั้งนี้ที่ผ่านมาขาดการบังคับอย่างจริงจัง นายกรัฐมนตรีจึงมอบให้ฝ่ายกฎหมาย ไปพิจารณาให้ศอตช. ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อยกระดับและมีกฎหมายรองรับชัดเจน



นอกจากนี้ได้เสนอความคืบหน้าการโยกย้ายข้าราชการ จำนวน 353 คน โดยพบคดีค้าง ที่อยู่ระหว่างไต่สวน 193 ราย นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการ รวมทั้งมีการรายงานความคืบหน้าคดีสำคัญ เช่น กรณีเรียกรับเงิน จาก รร.สามเสนวิทยาลัย กรณีเงินทอนวัด รวมถึงโครงการจำนำข้าว และในที่ประชุมได้อนุมัติโครงการภาษีมาจากไหน เป็นระยะ 2 ของโครงการภาษีไปไหน เพื่อเผยแพร่ ให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของภาษี รวมทั้งเสนอโครงการสมาร์ท ซิตี้ เตรียมเปิดช่องทางการร้องเรียนการทุจริตเพิ่มเติมนอกสายด่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กำชับว่าเมื่อมีเรื่องร้องเรียนของประชาชนให้รีบแก้ไขโดยเร็ว



 

ข่าวทั้งหมด

X