นายกฯพูดถึงแนวทางแก้สถานการณ์น้ำในรายการศาสตร์พระราชาฯ/หุ้นสหรัฐฯร่วงหนักสุดในรอบ3เดือน/แถลงจับแก๊งอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจ

11 สิงหาคม 2560, 08:50น.


+++การประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง การจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพว่า  กำหนดจัดวันที่ 1-30 พฤศจิกายนนี้ จะเปิดให้เข้าชมรอบแรกเวลา 07.00 น.รอบสุดท้ายเวลา 23.00 น.โดยจัดเป็นรอบๆ อาจจะรอบละ 500 คน รอบต่อไปห่างกัน 10 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนได้เข้าชม น่าจะมีผู้เข้าชมมากกว่า 3 ล้านคน มีการจัดเตรียมเรื่องการอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทางสายตา ด้วยการจัดทำอักษรเบรล กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำต้นฉบับแผ่นพับนำชมนิทรรศการเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจะพิมพ์ 9 แสนแผ่น เป็นภาษาไทยและกำลังพิจารณาจัดพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนสำหรับชาวต่างชาติด้วย



+++ในรายการศาสตร์พระราชาสู่ความยั่งยืน คืนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะสรุปในรายการเป็นตัวอย่างให้ดูว่า 3 ปี ดำเนินโครงการด้านใดไปบ้าง และในปี 2560-2561 จะต้องเร่งดำเนินการในส่วนของความยั่งยืน พื้นที่ไหนที่น้ำท่วม พื้นที่ไหนที่แล้ง อย่างน้อยต้องแก้ปัญหาได้ร้อยละ 30-50 เพราะถ้าแก้ร้อยละ 100 ต้องทำใหญ่มาก ต้องใช้ทั้งงบประมาณ เวลา และต้องทำต่อไป ต้องเข้าไปขับเคลื่อนทั้งการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ต้องการให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้ มาตรา 44 โยกกรมทรัพยากรน้ำมาสังกัดที่สำนักนายกฯเป็นเพียงแค่การโอนเท่านั้น ไม่มีการยุบรวมทั้งสิ้น เดิมกรมทรัพยากรน้ำอยู่ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกแบบมาให้ดูแลเรื่องภัยแล้งกับน้ำท่วม รวมถึงการจัดการเรื่องน้ำ แต่ภารกิจไม่ได้ใหญ่โตมาก และในไม่ช้า พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ ที่อยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังจะออกมามีผลบังคับใช้  โดยจะมอบภารกิจที่ยิ่งใหญ่ให้กับกรมทรัพยากรน้ำ จากกรมเล็กไปทำภารกิจใหญ่ หากมาอยู่ที่สำนักนายกฯ จะทำให้เกิดความสะดวกในการแก้ปัญหาน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่เร่งด่วนของประเทศไทย จะมีบางกองที่อยู่ในกรมนี้แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องน้ำโดยตรง ก็จะได้อยู่ที่กระทรวงทรัพยากรฯ  และในวันอังคารที่ 15 สิงหาคม หลังประชุมคณะรัฐมนตรี นัดทุกฝ่ายมาคุยเรื่องการบูรณาการการทำงานร่วมกัน



+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกันยายน ลดลง 97 เซนต์ ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โอเปกปรับเพิ่มประมาณการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกอีก 1 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 1.37 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2017



+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติร่วงลงหนักหน่วงที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตือนเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อีกรอบ ดาวโจนส์ ลดลง 204.69 จุด ปิดที่ 21,844.01 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 35.81 จุด  ปิดที่ 2,438.21 จุด แนสแดค ลดลง 135.46 จุด ปิดที่ 6,216.87 จุด ตลาดทุนสหรัฐฯดิ่งลงแรงในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังประธานาธิบดีทรัมป์ บอกว่าคำเตือนของเขาที่ส่งถึงเกาหลีเหนือก่อนหน้านี้คงไม่หนักพอ



+++วันนี้ต้องติดตามการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก่อนปิดตลาดวันหยุดต่อเนื่อง และมีประเด็นของเกาหลีเหนือกดดันตลาดด้วย เมื่อวานนี้หุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,571.64 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด



+++สถานการณ์ความตึงเครียดเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเพื่อความปลอดภัย และดันราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,290.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++ประเด็นเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังไม่ลดระดับการโต้ตอบกับทางการเกาหลีเหนือ แม้ว่าจะมีกระแสความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้น ว่าคำกล่าวของเขาทำให้ความตึงเครียดและความกังวลเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ กำลังลุกลามจากคาบสมุทรเกาหลีมาถึงเกาะกวม ล่าสุดเขากล่าวว่า เกาหลีเหนือน่าจะคิดให้มากๆ หากคิดจะลงมือทำสิ่งใดกับสหรัฐฯ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือจะตกอยู่ในความยากลำบากเหมือนกับบางประเทศ ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนหน้ามีนโยบายที่อ่อนแอเกินไปต่อเกาหลีเหนือ ขณะที่จีนที่เป็นมิตรประเทศใกล้ชิดเกาหลีเหนือ ก็สมควรมีความพยายามมากกว่าเดิม แต่สหรัฐฯ จะไม่เป็นฝ่ายโจมตีก่อน 



+++กรณีตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 จับกุม น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว โนนวังชัย น.ส.กวิตา หรือ เอิร์น ราชดา น.ส.อภิวันทน์หรือ แจ้ สัตยบัณฑิต และนายวศิน หรือ นิว นามพรหม รวมทั้ง น.ส.จิดารัตน์ หรือ เบนซ์ พรหมคุณ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝังซ่อนเร้นหรือทำลายศพ น.ส.วริศรา หรือ แอ๋ม กลิ่นจุ้ย โดยทั้งหมดถูกส่งเข้าเรือนจำกลางขอนแก่น หลังจับกุมและเข้าสู่ขบวนการชั้นศาล พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับผู้ต้องหา 4 ราย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยมีการเตรียมการและไตร่ตรองไว้ก่อน ยกเว้น น.ส.จิดารัตน์ เพียงคนเดียว ที่แจ้งข้อหา รับของโจร ที่ไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่ม และไม่มีการคัดค้านการประกันตัว ซึ่ง น.ส.จิดารัตน์ ก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ส่วนการจะให้ประกันตัวหรือไม่อยู่ที่ศาลจะพิจารณา ซึ่งขณะนี้ตำรวจนำสำนวนคดีดังกล่าวประมาณ 800 หน้า ส่งอัยการจังหวัดเมื่อวันที่ 4 ส.ค.



+++นายธนัญชัย วงษ์ซ้าย ทนายความของ น.ส.จิดารัตน์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมเงินสด 1.4 ล้านบาท เพื่อยื่นขอประกันตัว น.ส.จิดารัตน์ ในช่วงที่อัยการจังหวัดขอนแก่น ควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวส่งฟ้องศาล และจะขอประกันตัวออกมาต่อสู้คดี



+++การจับแก๊งอุ้มรีดทรัพย์ ในวันที่ 11 ส.ค. เวลา 09.00 น. จะแถลงข่าวในรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติมที่ สน.โคกคราม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ ผบก.สปพ. หรือ 191 เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหาแต่งชุดลายพรางทหาร และชุดตำรวจนอกเครื่องแบบ เดินทางมาบริษัท คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด เลขที่ 68 ซอยนวลจันทร์ 34 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เพื่อพบ นายสุรชัย แซ่ย่าง รองประธานกรรมการสายการบินนิว เจน แอร์เวย์ส โดยหนึ่งในกลุ่มคนร้าย อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ 191 ส่วนทหาร อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน. มาขอตรวจสอบ นายสุรชัย ในคดีความมั่นคง ก่อนคุมตัว นายสุรชัย ขึ้นรถยนต์หรูเล็กซัส ทะเบียน วฉ 1100 กรุงเทพมหานคร เข้าไปในโรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดา แขวงและเขตดอนเมือง เพื่อไปพบกับผู้ต้องหาอีกคน  จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้บอกกับผู้เสียหายว่า ต้องการค่าคุ้มครองเป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ นายสุรชัย ต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท เมื่อฝ่ายนั้นยินยอม นายสุรชัย ได้สั่งให้ลูกน้อง นำเงินสดไปจ่ายให้กับกลุ่มคนร้ายที่ปั๊มปตท. ข้างร้านเจ้เล้ง ถนนวิภาวดีรังสิต โดยขอจ่ายก่อน 1 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ก่อนจะโอนเข้าบัญชีหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา อีก 1 ล้านบาท ในภายหลัง ผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อ พล.อ.ประวิตร ทราบ จึงรีบสั่งการให้เร่งสืบสวนในทางลับ เพื่อแกะรอยจับกุมผู้กระทำความผิด  



+++กลุ่มผู้ต้องหา ประกอบด้วย พล.ต.จรูญ อำภา ผอ.สปก.ศปร. กองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ปอศ. จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม นายเสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ นายเทพพิทักษ์ รัดทะนี นายทรงวุฒิ เที่ยงธรรม นายกอ เต๊ก ซุน ชาวสิงคโปร์ นายโอภาส ศรียา นายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1806-1815 ลงวันที่ 10 ส.ค. ในฐานความผิดร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และบุกรุกเคหสถาน หลังร่วมกันอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจเป็นเงิน 2 ล้านบาท



แฟ้มภาพ คลังภาพ รัฐบาลไทย



 



 



 



 



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X