หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี การตั้งข้อสงสัย ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาได้ตั้งเงื่อนไขในการยกระดับความสัมพันธ์กับไทยโดยขอให้ไทยเข้าร่วมเป็นแนวร่วมต่อต้านคัดค้านโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเปิดเผยวว่า ประธานาธิปดีสหรัฐอเมริกาไม่ได้ตั้งเงื่อนไขแต่อย่างใด โดยไทยและสหรัฐเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน จึงเป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันขณะเดียวไทยก็มีความชัดเจนในการปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง ๆ ของสหประชาชาติ และประกาศความชัดเจนในกรอบของอาเซียนด้วยเช่น จึงขอว่านำเรื่องดังกล่าวมาเป็นเงื่อนไข
ส่วนการพบปะหารือกันระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เดินทางเยือนประเทศไทย ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีว่า การเดินทางมาของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐในครั้งนี้เพื่อประชุมในระดับกระทรวงกลาโหมอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา และในโอกาสนี้จะพูดคุยกับตนเอง ในเรื่องการเตรียมความพร้อมในการพบปะกันระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายโดนัล ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในระยะเวลาอันใกล้นี้ รวมไปถึงพูดคุยในเรื่องเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และความมั่นคง ส่วนการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีจะเป็นในช่วงเดือนตุลาคมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ระบุเพียงสั้นๆว่าอาจจะ
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่ามีบางประเทศไม่เชิญไปเยือนนั้น ขอให้เข้าใจว่าการเดินทางไปต่างประเทศมี 2 แบบ ซึ่งในแบบการเดินทางเพื่อไปประชุมต่างๆเช่น ประชุมอาเซียน ประชุทจี20 ตนเองก็เคยเดินทางไปมาแล้วทุกประเทศ แต่ หากเป็นในส่วนของการเดินทางเยือนแบบเป็นทางการ ตนเองไม่สามารถไปได้เนื่องจากเป็นผู้นำรัฐบาลที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง เพราะกฎหมายแต่ละประเทศบัญญัติไว้เช่นนั้น แต่ไม่ใช่เป็การรังเกียจแต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้การค้าการลงทุนความร่วมมือในระหว่างประเทศได้ดำเนินการผ่านเอกอัครราชทูต และสมาคมการค้าต่าง ๆ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จึงขอให้เข้าใจว่าเรื่องเป็นเพียงเรื่องการเมืองเท่านั้น
ส่วนกรณีที่เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย มีมติเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยอ้างว่าทำให้วงการสงฆ์เสื่อมเสีย นายกรัฐมนตรีมองว่า พ.ต.ท.พงศ์พร ยังสามารถทำงานได้ และเรื่องดังกล่าวสำนักพุทธศาสนาก็ได้มีการหารือกับมหาเถรสมาคมมาโดยตลอด ขอให้ประชาชนอย่านำเรื่องนี้มากดดัน ซึ่งตนเองไม่ต้องการให้ชาวพุทธออกมาเคลื่อนไหว เพราะศาสนาพุทธเขาสอนให้คนประนีประนอมสอนให้คนรักกัน แต่หากผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามความผิด ส่วนพระสงฆ์ก็มีกฎหมาย วินัยสงฆ์ ซึ่งเข้มงวดเช่นกัน