คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มบทลงโทษเกาหลีเหนือที่ฝ่าฝืนมติในการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป บทลงโทษล่าสุดนี้เสนอขึ้นโดยสหรัฐฯ และคาดว่าจะกระทบต่อรายได้เข้าประเทศเกาหลีเหนือถึง 1 ใน 3 เนื่องจากจะมีการห้ามนำเข้าสินค้าที่เป็นแหล่งรายได้หลักของเกาหลีเหนือ ได้แก่ ถ่านหิน เหล็ก ตะกั่ว และอาหารทะเล นอกจากนั้นยังห้ามนานาประเทศว่าจ้างแรงงานชาวเกาหลีเหนือเพิ่ม และห้ามการร่วมทุนใดๆ กับเกาหลีเหนือด้วย โดยก่อนหน้านี้ สินค้าส่วนใหญ่จากเกาหลีเหนือได้ถูกส่งออกไปยังจีนเป็นหลัก และมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1 แสนล้านบาทต่อปี
นางนิกกิ ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติกล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงว่า ประเทศสมาชิกคณะมนตรีไม่ควรหลงคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาเกาหลีเหนือได้ และภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือก็ไม่ได้ลดน้อยลง ตรงกันข้าม กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อลดภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือเพิ่มเติม พร้อมกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ต่อไป ด้านนายหลุย เจียหยี เอกอัครราชทูตจีนประจำคณะมนตรีความมั่นคงฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการติดตั้งระบบป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธในเกาหลีใต้ พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือลดการกระทำที่ทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคลง หลังทราบผลการลงมติรับรองมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือฉบับใหม่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งข้อความในทวิตเตอร์ชื่นชมมติโดยเฉพาะรัสเซียและจีนที่เห็นด้วยกับการลงโทษเกาหลีเหนือในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกาหลีเหนือได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างหนัก
...
**7.44F174**