ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.
+++หน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำ กองทัพเรือ เดินทางถึงอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม รวมทั้งสิ้น 34 คัน โดยบรรทุกเรือผลักดันน้ำ 35 ลำ ถึงอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เรียบร้อยแล้ว โดยกำลังดำเนินการเร่งติดตั้งเรือผลักดันน้ำ บริเวณสะพานบ้านนาเพียง (ข้ามแม่ย้ำศรีสงคราม) บ้านปากอูน ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อเร่งระบายลงสู่แม่น้ำโขง ผ่านแม่น้ำสงคราม ช่วงปากอูน - ศรีสงคราม ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมนาวาเอกปิยะ ปฐมบูรณ์ หัวหน้าชุดส่วนล่วงหน้าชุดเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำ กองทัพเรือ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานระบายน้ำในพื้นที่ วางแผน และออกสำรวจพื้นที่จุดติดตั้งเรือผลักดันน้ำ ทั้งนี้ประสิทธิภาพในการผลักดันน้ำสามารถผลักดันน้ำต่อเนื่องได้ 24.2 ลูกบาศก์เมตร/นาที จะสามารถดึงน้ำรอบ ๆ ตัวไปได้ 1:3 หรือประมาณ 72.7 ลูกบาศก์เมตร/นาที สำหรับชุดเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำ กองทัพเรือ ประกอบด้วย กำลังพล 170 นาย เรือผลักดันน้ำจำนวน 35 ลำ รถยนต์บรรทุก 17 คัน และรถชานต่ำ 6 คัน โดยมี นาวาเอกอภิชาติ ทินนะลักษณ์ รอง ผู้อำนวยการพัฒนาการบริหาร อู่ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า เป็น หัวหน้าชุดเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำ กองทัพเรือ
+++วันนี้ เวลา 18.00 น.-19.30 น. สำนักนายกรัฐมนตรี จัดงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยการจัดงานจะมีขึ้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมารับบริจาคเงินด้วยตนเอง รวมทั้งเปิดหมายเลขโทรศัพท์พิเศษ 02- 356 -0303 ระบบอัตโนมัติ 30 คู่สาย ทั้งนี้ นายกฯและ ครม.จะมาร่วมนั่งรับบริจาคผ่านทางโทรศัพท์ด้วย ประชาชนร่วมบริจาคได้ ผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทย จำกัด สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 โดยผู้บริจาคสามารถนำหลักฐานในการบริจาคไปใช้แสดงการขอลดหย่อนภาษีได้
++++ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม ในวันนี้ (4 - 5 ส.ค.60 )อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่บริเวณ “ภาคเหนือ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - ภาคตะวันออก - ภาคใต้ฝั่งตะวันตก” โดยมี30จังหวัดตกอยู่ในภาวะเสี่ยงสูง แต่ข่าวที่น่าตระหนกที่สุดตอนนี้ก็คือ องค์การนาซ่าได้เผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศจากสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS ที่ปฏิบัติการสำรวจและโคจรรอบโลก โดยบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนบนในเวลานี้พายุไต้ฝุ่น”โนรุ”ยังคงสะสมพลังงานและเคลื่อนที่ช้าๆอยู่ใจกลางทะเล กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าจ่อถล่มญี่ปุ่นสัปดาห์นี้ โดยนักบินอวกาศ ประจำสถานีอวกาศนานาชาติ ถ่ายเผยแพร่ให้ชาวโลกได้เห็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดในโลก เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 เทียบเท่ากับเฮอริเคนระดับ 2 มีความเร็วลม 256 กม./ชม.
+++ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเปิดทำเนียบรัฐบาลให้การต้อนรับนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางเยือนไทยในฐานะแขกของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
+++พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ จะประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อออกหมายเรียกบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับการนำเข้ารถยนต์มาเซราติและลัมโบร์กินี ตามที่กรมศุลกากรประเมินมูลค่าภาษีขาดประมาณ 1,165 ล้านบาท มารับทราบข้อกล่าวหาและเปิดโอกาสให้นำเอกสารเข้าชี้แจง
++++หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง อดีตผู้บริหารรัฐบาลในขณะนี้ กรณีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้วันนี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง แกนนำพันธมิตรฯ นัดหารือแนวทางการต่อสู้คดีสลายการชุมนุม สัปดาห์หน้าแกนนำ พธม.จะทำหนังสือจี้ไปยัง ป.ป.ช.ให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้านกรรมการ ป.ป.ช.หยิบประเด็นการยกฟ้องของศาลฏีกาฯขึ้นมาหารือเหมือนกัน โดยที่ประชุมมอบหมายให้สำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช.ไปดำเนินการคัดลอกคำพิพากษา ทั้งคำพิพากษากลาง และคำพิพากษาส่วนตัวขององค์คณะศาลฎีกาฯ แล้วนำมาประมวลเพื่อสรุปเป็นรายงานเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาครั้งหน้า เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันไม่ใช่ชุดที่ทำสำนวนคดีดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น จึงต้องใช้เวลาศึกษาโดยละเอียด จึงยังไม่มีข้อสรุปภายในเร็ววันนี้ว่า จะยื่นอุทธรณ์คดีหรือไม่
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่านามสกุล”วงษ์สุวรรณ“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และหลังศาลตัดสิน ก็ยังไม่ได้คุยกับน้องชายคือ พล.ต.อ.พัทรวาท เลย เพราะต่างคนต่างทำงาน ฉะนั้นเสียงลือเสียงเล่าอ้าง อย่าไปหลงเชื่อเด็ดขาด ขณะที่การชุมนุมทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน พรบ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ พ.ศ.2559 ห้ามทำให้เกิดความวุ่นวายเด็ดขาด หากจะรวมตัวชุมนุมต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อน
+++วานนี้ที่ประชุมสนช.ลงมติเห็นชอบร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ...ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ (กมธ.ร่วม3ฝ่าย) พิจารณาเสร็จแล้ว ด้วยคะแนน 205 เสียง งดออกเสียง2และไม่ลงมติ1 มีเนื้อที่สำคัญ อาทิ หัวหน้าพรรคสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ โดยให้อยู่ในลำดับที่1ของบัญชี,มีบทลงโทษการทุจริตขั้นตอนคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง(ไพรมารีโหวต) โดยไม่มีโทษยุบพรรค แต่หากกระทำผิดมีโทษจำคุก 6เดือน-1ปี หรือ1-10ปีเท่านั้น, ห้ามจูงใจให้สมาชิกพรรคการเมืองลงคะแนนให้แก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนด้วยวิธีการทุจริต หากกระทำผิด ระวางโทษจำคุก1-10ปี หรือปรับ 2หมื่น-2แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้งของผู้นั้น,ห้ามพรรคการเมืองหรือผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับ หรือให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อให้สมาชิกผู้ใดลงสมัครหรือไม่ ลงสมัครรับเลือก หรือเพื่อให้เสนอชื่อสมาชิกผู้ใดเข้ารับการเลือกในการสรรหา ผู้ฝ่าฝืนโทษจำคุก1-5ปี หรือปรับ 2หมื่น-1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นต้น
+++ตั้งแต่วันที่ 3-6 สิงหาคม นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ.และคณะ ประชุมกันที่อ.บ้านฉาง จ. ระยอง เพื่อสร้างบรรยากาศยกร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับสุดท้ายให้เสร็จ ได้แก่ 1.พรบ.ปปช.2.พรบ.การเลือกตั้ง สส.และ3.การได้มาซึ่ง สว.ถือเป็น 3 ฉบับสุดท้ายที่กรธ.ยังไม่ได้ลงไปพิจารณา ส่วน พรป.ว่าด้วย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ใกล้เสร็จแล้ว