รองผบ.ตร.แถลง รวบแก็งผู้มีอิทธิพล หวังทรัพย์สิน-เงินสด

04 สิงหาคม 2560, 06:45น.


หลังนายธนบดี จิตตา ได้ประสานเข้าร้องทุกข์  ให้ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับแก๊งผู้มีอิทธิพลจำนวน 6 คน อุ้มตัวขึ้นรถบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าย่านรัชดาภิเษก แล้วทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ พร้อมทั้งบังคับให้นำทรัพย์สินมูลค่า 3 ล้านบาทเศษมาให้ พันตำรวจเอกชยุต มารยาทตร์   รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า หลังจากนายธนบดี มาพบ พลตำรวจเอกศรีวราห์ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม  ก็ได้ตรวจสอบประวัติ พบว่า นายธนบดี มีหมายจับของสน. มันบุรี ข้อหาฉ้อโกง จึงให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เข้าอายัดตัว แจ้งข้อกล่าวหา และอยู่ระหว่างประกันตัว 



ด้านนายธนบดี  ยอมรับว่า  ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือ 2 กับนายกัณตพิชญ์ โดยรู้จักกันทางกลุ่มไลน์เกี่ยวกับผู้สนใจรถยนต์หรู โดยซื้อรถจากผู้ต้องหามาในราคา 3.3 แสน แต่นำไปตกแต่ง ขายต่อในราคาสูงทำให้ผู้ต้องหาไม่พอใจ หาว่ากดราคา  ก่อนหน้าก็ไปแจ้งความว่า ยักยอก ที่สน.พหลโยธิน เรื่องอยู่ในกระบวนการดำเนินคดี จนวันเกิดเหตุ นัดพบกัน แต่ผู้ต้องหาพาชาย อีก 5 คนมาข่มขู่ จับตัว ใส่กุญแจมือ อุ้มขึ้นรถ ปล้นทรัพย์ แต่ตนหนีออกมาได้ มีพลเมืองดีช่วยเหลือ ตอนแรกชายกลุ่มนี้อ้างว่าเป็นตำรวจสายสืบ สน.ห้วยขวาง แสดงตัวเป็นตำรวจ อ้างหมายจับ พาตนขึ้นรถไปที่ซอยเพชรเกษม 54 บังคับเอาทรัพย์สิน นาฬิกา กระเป๋า กุญแจรถยนต์เบนซ์  ระหว่างนั้นตนใช้อุบายหนีมาได้ ซึ่งหลังจากตนหนีมาได้ทำทีเข้าไปตรวจสอบที่สน.ห้วยขวาง และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ยืนยันว่าชายกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจ แต่ที่ตนต้องร้องเพราะเกรงกลัวได้รับอันตราย เพราะระหว่างถูกคุมตัว รู้สึกได้ว่าหากไม่หนีออกมาคงเอาชีวิตไม่รอด ครอบครัวถูกข่มขู่ โดยบ้านญาติที่ จ. ราชบุรีก็มีคนไปยิงปืนขึ้นฟ้าลักษณะข่มขู่ จึงไม่ลงบันทึกประจำวันที่ สภ. โพธาราม จ.ราชบุรีแล้ว



ด้านพลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวว่า  จากการสืบสวนสอบสวนขณะนี้ ออกหมายจับชาย 4 คน รู้ชื่อแล้ว 1 รายคือ นายกัณตพิชญ์ หรือมาร์ค งามเอก อายุ 21 ปี  ส่วนอีก 3 คน ออกหมายจับตามภาพในกล้องวงจรปิด ในความผิดฐาน ปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร



ส่วนการสอบปากคำนายกัณตพิชญ์ ให้การเป็นประโยชน์ รับว่า ไปว่าจ้างกลุ่มคนมีสีที่รับงานทวงหนี้ ซึ่งผู้ต้องหาเรียกกลุ่มนี้ว่า ขาใหญ่  โดยขณะนี้กำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และจะไปขออนุมัติศาลเพื่อเปลี่ยนแปลงหมายจับระบุตัวบุคคล  และขยายผลถึงผู้ร่วมก่อเหตุที่มีอีกอย่างน้อย 2 คน ทั้งนี้จากการตรวจสอบยืนยันได้ว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ไม่ใช่ตำรวจแน่นอน หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยใด แม้จะเป็นทหารก็ไม่เว้น ไม่อุ้มรีดแบบนี้ไม่ได้ จะต้องจับกุมดำเนินคดีทั้งหมด ต่อมา พลตำรวจเอกศรีวราห์ นำนายธนบดี ชี้ตัวผู้ต้องหา ก็ยืนยันว่า นายกัณตพิชญ์ ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว คือคู่กรณีที่นำชายฉกรรจ์มาอุ้มรีดตัวเองจริงๆ

ข่าวทั้งหมด

X