หลังอัยการพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางสาวณปภา ตันตระกูล หรือ แพท ณปภา นักแสดงและภรรยาของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์เรซซิ่ง ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน เนื่องจากมีการตรวจพิจารณาหลักฐานในสำนวนแล้ว ไม่มีหลักฐานว่า แพท ณปภา ร่วมกันฟอกเงิน หรือ สมคบกันฟอกเงินกับผู้ต้องหาอื่นๆ และไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด
พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดเผยว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นดุลพินิจของอัยการแต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าการที่แพทณปภาไม่ถูกสั่งฟ้องจะมีผลไปถึงคดีของนายอัครกิตติ์นั้น มองว่าเป็นคนละเรื่องกันเนื่องจากพยานหลักฐานในคดีและลักษณะพฤติการณ์แตกต่างกัน เชื่อว่าการพิจารณาในชั้นศาลจะไม่มีผลต่อคดีของนายอัครกิตติ์
สำหรับการสืบสวนทางคดี นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้น ไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับ แพท ณปภา ได้ความเพียงว่า แพท ณภา เป็นภรรยาของนายอัครกิตติ์เท่านั้น และหลักฐานทางคดีก็มีเพียงการโอนเงินที่ นายอัครกิตติ์ โอนให้กับแพท ณปภา ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2559 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 จำนวน 18 ครั้ง และการทำธุรกรรมดังกล่าว ก็เป็นการโอนเงินผ่านระบบบัญชีธนาคาร ในยอดเงินหลักหมื่นและหลักแสน ถือเป็นพฤติการณ์อุปการะเลี้ยงดูกันปกติระหว่างสามีกับภรรยา อีกทั้งเป็นการโอนเงินเปิดเผยผ่านระบบ k-mobile banking plus ที่สามารถตรวจสอบง่าย ส่วนบัญชีของ แพท ณปภา ก็เป็นบัญชีที่เปิดใช้ปกติมานานแล้ว มีเงินส่วนตัวในบัญชีจำนวนหลายล้านบาทและ เงินที่นายอัครกิตติ์ โอนเข้ามาก็ยังคงค้างอยู่ในบัญชีไม่มีการเบิกถอนเข้าออกลักษณะหมุนเวียน และมีหลักฐานอีกว่าเงินบางรายการที่โอนมา เป็นเงินค่าจ้างที่แพท ณปภา ได้มาจากการรับว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ตามปกติ