+++องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมเพื่อพิจารณารับหรือไม่รับ คำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. มาตรา 26 วรรคหนึ่ง และมาตรา 27 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก ไม่รับคำร้องของกกต. เนื่องจาก การส่งคำร้องของกกต.ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะขณะนี้ยังเป็นเพียงร่างกฎหมาย จึงเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (1) มาตรา 232 ประกอบมาตรา 148 และมาตรา 263 ได้กำหนดให้ สนช. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เสนอความเห็นต่อประธาน สนช. หรือให้นายกรัฐมนตรี ส่งความเห็นมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากกฎหมายประกาศใช้แล้ว ตามความหมายของรัฐธรรมนูญมาตรา 210 หน่วยงานหรือองค์กรที่เห็นว่าอำนาจหน้าที่ของตนเองมีปัญหา ก็สามารถใช้สิทธิยื่นตรงได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210(2)
+++ความคืบหน้าคดีพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เรื่องการดำเนินคดีพระธัมมชโยมีอยู่ 15 คดี ในคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งบางคดีก็เสร็จไปแล้วระหว่างนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ดีเอสไอ ได้ติดตามเส้นทางของเงินทั้งหมดว่าได้มีการจ่ายค่าอะไรบ้าง ถ้าหากเข้าพฤติกรรมการฟอกเงินก็จะดำเนินคดี เส้นทางการเงินในปี 2552-2556 ยังคงต้องตามเงินออกจากสหกรณ์และไปไหนบ้าง ในส่วนการปฏิบัติการงานสืบสวน ซึ่งหลายหน่วยก็เริ่มกันอยู่หากมีข้อมูลชัดเจนนั้นเราก็จะเริ่มดำเนินการต่อไป
+++ส่วนการติดตามตัวพระธัมมชโย ยังคงดำเนินการอยู่ตอนนี้ก็มีการข่าวแจ้งมายัง ดีเอสไอจากหลายส่วน ทั้งยังอยู่ในประเทศไทย และหลบหนีไปทางต่างประเทศ โดยช่องทางธรรมชาติไม่ใช่ช่องทางปกติ โดยมีกลุ่มลูกศิษย์พาหลบหนีไปยังกลุ่มประเทศแถบยุโรป ซึ่งดีเอสไอก็ได้ตรวจสอบไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน หากได้รับการยืนยันชัดเจน ก็สามารถประสานขอตัวกลับมาดำเนินคดีได้ เช่นเดียวกับนายวิรพล สุขผล หรือเณรคำ
+++สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ประชุมสัมมนาครั้งที่ 3 ปัจฉิมโครงการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจ.เชียงใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและระบบขนส่งสาธารณะในเมือง โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน จ.เชียงใหม่ เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งที่ปรึกษาโครงการจะนำเสนอผลการศึกษาที่เลือกใช้ระบบรถรางไฟฟ้าหรือแทรมมีโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะ 2 โครงข่าย คือโครงข่ายทางเลือกรูปแบบเอใช้ทางวิ่งบนดินและใต้ดินร่วมกัน มี 3 เส้นทางหลัก ระยะทางรวม 35 กม. ได้แก่ 1.สายสีแดง 12 กม. 2.สายสีเขียว 12 กม. และ 3.สายสีน้ำเงิน 11 กม. วงเงินลงทุน 106,895 ล้านบาท ส่วนโครงข่ายทางเลือกรูปแบบบีใช้ทางวิ่งบนดินทั้งหมด ประกอบด้วย 3 เส้นทางหลัก ระยะทางรวม 40.57กม. ได้แก่ 1.สายสีแดง 15.65 กม. 2.สายสีเขียว 11.11 กม. และ 3.สายสีน้ำเงิน 13.81 กม. วงเงินลงทุน 28,419 ล้านบาท ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างปี 2561-2563 แล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2564
+++สำหรับรูปแบบการลงทุน 3 แนวทาง ได้แก่ 1.รัฐลงทุน 100% 2.การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (พีพีพี) รัฐลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนเอกชนลงทุนด้านระบบและการเดินรถ และ 3.ระดมทุนเช่น ตั้งกองทุนรวม เงินกู้ยืมมีดอกเบี้ย จากนั้นที่ปรึกษาจะนำข้อคิดเห็นประชาชนมาปรับในรายงานให้มีความสมบูรณ์ขึ้นและส่งรูปเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์ได้ภายใน ส.ค.นี้ เพื่อนำผลการศึกษาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับโครงการพิจารณาเห็นชอบ
+++ขณะที่ กรมทางหลวง รับฟังความเห็นในโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถ.วิภาวดีรังสิต) ด้านขาออก บริเวณสะพานเข้าท่าอากาศยานดอนเมือง แก้ปัญหาจราจร เนื่องจากสภาพการจราจรเป็นคอขวด ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้จะมีการเพิ่มช่องจราจรทางตรงเป็น 3ช่องและจะต้องทุบสะพานเข้าท่าอากาศยาน ขณะก่อสร้างมีความจำเป็นต้องปิดสะพานตัวเดิม
+++นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.สั่งการให้นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังรับมือสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนิคมฯในพื้นที่ จ.พระนครศรี อยุธยา จ.สระบุรี รวม 5 แห่ง โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง และติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด แม้ว่า ขณะนี้นิคมฯ แต่ละแห่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก็ตาม และได้เตรียมพร้อมศูนย์ปฏิบัติการกนอ. ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานงานกับนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งเพื่อแจ้งข่าวสารและประสานความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน รวมถึงกำชับให้นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งปฏิบัติตามแผนป้องกันน้ำท่วม ปัจจุบัน กนอ. มีนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จำนวน 54 แห่ง กระจายอยู่ใน 15 จังหวัด ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง จำนวน 11 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรม ที่ร่วมดำเนินงานกับผู้พัฒนา จำนวน 43 แห่ง
+++นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดตัวโครงการ TAXI OK และ TAXI VIP ก่อนหน้านี้ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของแท็กซี่ไทยที่เรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพิ่มเติมจากรถแท็กซี่ทั่วไป อาทิ จีพีเอส กล้องวงจรปิด ระบบตรวจสอบการให้บริการและติดตามพฤติกรรมผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ ในส่วนของแท็กซี่วีไอพี รถจะหรูกว่าแท็กซี่ทั่วไป และมีมาตรฐานการให้บริการสูงกว่า รถแท็กซี่ที่นำมาจดทะเบียนเป็นรถ 2 ประเภทนี้ต้องเป็นรถใหม่หรือรถที่ใช้งานมาไม่เกิน 2 ปี ระยะทางไม่เกิน 20,000 กม. มีกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารตามกฎหมาย อัตราค่าโดยสาร สตาร์ตที่ 35 บาท เท่ากับแท็กซี่ในปัจจุบันก่อน จากนั้นต้องศึกษาโครงสร้าง อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมต่อไป โดยไม่เป็นภาระและประชาชนไม่เดือดร้อน
+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ ปิดที่ 52.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) ระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 กรกฏาคม ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดาวโจนส์พุ่งขึ้นเหนือ 22,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แอปเปิ้ล ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 52.32 จุด ปิดที่ 22,016.24 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.22 จุด ปิดที่ 2,477.57 จุด แนสแดค ลดลง 0.29 จุด ปิดที่ 6,362.65 จุด หุ้นของแอปเปิ้ล เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 หลังรายงานว่ามีกำไรสุทธิรายไตรมาส เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เป็นวงเงิน 8,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 วงเงิน 45,400 ล้านดอลลาร์ หลังระบุในรายงานเมื่อวันอังคาร(1ส.ค.) เน้นว่ามียอดขายคอนเทนต์ดิจิตอลและบริการอื่นๆเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังได้แรงหนุนจากรายงานของเอดีพี ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มเติม 1 แสน 78,000 อัตราในเดือนกรกฎาคม แม้จะลดลงจากเดือนมิถุนายนเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
+++ราคาทองคำ ปิดลบในกรอบแคบๆ ในการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง จากความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,278.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แฟ้มภาพ