การตัดสินคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เมื่อปี 2551เริ่มต้นขึ้นแล้ว บรรยากาศก่อนหน้านี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งขณะนี้มีอายุ 87 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ น้องชายพลเอกประวิตร รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จำเลยในคดีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงหนาแน่น
ช่วงเช้าพลเอกชวลิต ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมีพยาบาล ส่วนตัวเดินทางมาด้วย และงดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่นายสมชาย ได้เดินทักทายมวลชน และได้มีการเข้าไปทักทายนายณัฐวุฒิ ใสยกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ( นปช.)
พลตำรวจโทสุชาติ ได้เดินทางมาถึงแล้วเช่นกับพร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อมั่นในคำพิพากษาของศาล ยืนยันทำดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไรยินดีน้อมรับ ไม่มีปัญหาเพราะมันผ่านมานานพอสมควร ผลจะออกมาอย่างไรไม่สามารถตอบอะไรได้ อยู่กับดุลยพินิจอยากให้จบ สาธารณะชนจะได้รู้เสียที ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมใจมาเต็มที่หากผลออกมาเป็นผลเสียต่อตัวเอง พลตำรวจโทสุชาติ กล่าวว่า วันนี้เตรียมกระเป๋ามา 2 ใบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกับอดีตนายกฯสมชาย และหากผลพิพากษาออกมาในทางลบ ก็จะไม่ยื่นอุทธรณ์แล้ว เนื่องจากเบื่อ
นอกจากนี้ยังมี นายตี๋ แซ่เตียว อายุ 77 ปี ผู้ที่ได้บาดเจ็บขาขวาขาด จากเหตุสลายการชุมนุม ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย พร้อมกล่าวว่า อยู่ในเหตุการณ์ได้รับบาดเจ็บหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลปี 2551 ยืนยันเหตุการณ์ครั้งนั้นกระทำเกินกว่าเหตุ ไร้มนุษยธรรม แม้ที่ผ่านมาได้รับเงินเชย แต่ตลอด 9 ปี ยังฝันร้าย ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นยังอยู่ในหัว
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจนายสมชาย ส่วนตัวคดีวันที่ 25 ส.ค. มีกำลังใจที่ดี มีความพร้อมไว้หมดแล้ว ในการยื่นคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะเดียวกัน เตรียมจะยื่นฟ้องกรมบังคับคดี และกรมการค้าต่างประเทศ ที่อายัดบัญชีของตัวเองกับภรรยา รวม 8 บัญชี ซึ่งมองว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาการอุทรณ์ไว้เผื่อคำตัดสินเป็นด้านลบ
คดีสลายการชุมนุม พธม. ปี 2551 เป็นเหตุการณ์ที่นายสมชาย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สั่งสลายการชุมนุมบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อเปิดทางให้ได้เข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บ 471 คน ซึ่งการปิดล้อมของกลุ่มพธม. เพื่อกดดันให้มีการยุบสภา และให้นายสมชายลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นในปี 2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทย์ยื่นฟ้องจำเลยในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ซึ่งประเด็นที่ต้องจับตามองในวันนี้ คือผลการตัดสินของศาลฎีกาฯ ว่าจะออกมาในทิศทางใด เนื่องจากคดีดังกล่าว มีพลตำรวจเอกพัชรวาท ซึ่งเป็นน้องชายของพลเอกประวิตร ตกเป็นจำเลยอยู่ด้วย ซึ่งนายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ว่าที่รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีดังกล่าวและองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ได้นัดฟังคำพิพากษา ในวันนี้ หลังไต่สวนพยานนัดสุดท้ายเสร็จเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 โดยนายสมชาย จำเลยที่ 1 ก็ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจา ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดี นายสมชาย ได้ประกันตัวไปในวงเงิน 9ล้าน 5 แสนบาท , พลเอกชวลิต ประกันวงเงิน 8 ล้านบาท, พลตำรวจเอกพัชรวาท และ พลตำรวจโทสุชาติ ประกันตัววงเงินคนละ 6 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว:ปภาดา พูลสุข