หลังจากที่ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวนซุเอลา แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ประกาศชัยชนะ ในการเลือกตั้งสภาประชาชน เพื่อเตรียมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กลุ่มประเทศในละตินอเมริกาทั้งเม็กซิโก บราซิล ปานามา ปารากวัย อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย รวมถึงสเปน ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเวเนซุเอลา พร้อมใจกันประณามและประกาศไม่ขอยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเหตุรุนแรงทั่วประเทศ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 คน แต่รายงานขององค์กรอิสระและพรรคฝ่ายค้านระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 คน แต่ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ประท้วงเมื่อวันอาทิตย์ เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือนเม.ย. เป็นมากกว่า 120 คนแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งสภาประชาชนของเวเนซุเอลา และประณามว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลฝ่ายซ้ายในการละเมิดอำนาจนิติบัญญัติ ด้วยการจัดตั้งสถาบันขึ้นมาใช้อำนาจเอง ซึ่งถือเป็นการไม่เคารพสิทธิของประชาชนในประเทศด้วย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลการากัส 13 คน เข้าสู่รายชื่อการคว่ำบาตรฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงนายเนสเตอร์ เรเวรอล รมว.กระทรวงมหาดไทย และนางทิบิเซย์ ลูเซนา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมทั้งอพยพครอบครัวของนักการทูตในกรุงการากัสกลับประเทศ
ขณะที่ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ว่าเป็นการเลือกตั้งที่มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากที่สุดในรอบ 18 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ขึ้นสู่อำนาจ และมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้จนถึงปัจจุบัน ขณะที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง รายงานจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์อยู่ที่ราว 8.08 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 41.53 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิชาการอิสระ ประเมินจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อยกว่าตัวเลขของรัฐบาลเกินครึ่งหนึ่ง คืออยู่ที่ราว 3.6 ล้านคนเท่านั้น ส่วนรายงานของแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน ระบุว่าร้อยละ 88 ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนคัดค้านหรืองดออกเสียง
แฟ้มภาพ