สปท.ส่งมอบผลงาน และร่วมประชุมแม่น้ำ5สาย ยกย่องสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นต้นน้ำของการทำงาน

การส่งมอบผลการทำงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตลอดเวลา 1 ปี 9 เดือน ให้กับนายกรัฐมนตรี ในการประชุมแม่น้ำ 5 สายในวันนี้ ซึ่งยังมีคณะรัฐมนตรี (ครม.), นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ (สนช.) และสมาชิกสนช.,  นายเทียนฉาย กีรนันท์  อดีตประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เข้าร่วมการประชุมร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. กล่าวเปิดการประชุมโดยระบุว่า การปฏิรูปประเทศเป็นการแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างยั่งยืน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดย สปท. มีการทำงานที่สืบต่อจากงานของ สปช. คำนึงถึงความเร่งด่วน และสัมฤทธิ์ผล ดังนั้น สปช. จึงเป็นต้นน้ำของการปฏิรูป ที่ยังมีส่วนสำคัญในการศึกษา และให้ข้อเสนอต่อ กรธ. ในการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญหมวด 16 และการให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ติดตาม เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และเสนอ กรธ. ให้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศไว้ในรัฐธรรมนูญและให้มีกฎหมาย แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ พร้อมเสนอคำถามพ่วงในการจัดทำประชามติพร้อมร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องสำหรับผลงาน สปท. ที่เป็นรูปธรรม มีทั้งหมด 27 เรื่อง เช่น การจัดตั้งศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ รายงานเศรษฐกิจดิจิทัล การจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินมาตรฐาน การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานบุคคลท้องถิ่น การจัดการผู้กระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ การปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน ร่างกฎหมายแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย หรือเป็นคำสั่ง คสช. ใช้บังคับแล้ว หรือเตรียมบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ

ร.อ.ทินพันธุ์ ยืนยันด้วยว่า สปท. ได้ศึกษาและเสนอข้อเสนอการปฏิรูปประเทศต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว 188 เรื่อง ยังไม่นับรวมเรื่องที่ยังไม่ได้ผ่านมติ สปท. อีกหลายเรื่อง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรีว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไร

อย่างไรก็ตามขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะแม่น้ำ 5 สาย ที่ประกอบด้วย คสช. ครม. สนช. กรธ. และสปท. รวมไปถึงอดีต สปช. และข้าราชการรัฐสภา ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้วยดีเสมอมา และเชื่อว่า ผลการปฏิรูปนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัฐสภาในวันนี้ มีการยกระดับรักษาความปลอดภัยแบบเต็มขั้น มีการสนธิกำลัง 3 ฝ่ายคือ ตำรวจจาก สน.ดุสิต ตำรวจรัฐสภา และทหาร พร้อมด้วยการตั้งเครื่องตรวจสอบโลหะ และอนุญาตให้รถยนต์ที่จะเข้ามาในพื้นที่ได้จะต้องเป็นรถที่มีสติ้กเกอร์อนุญาตเท่านั้น

...

ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี