+++กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ พายุโซนร้อน เซินกา (SONCA) มีผลกระทบจนถึงวันพรุ่งนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่
+++ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ในคดีหมายเลขดำที่ 2472/2556 และคดีหมายเลขดำที่ 913/2557 เนื่องจากศาลเห็นว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย เพื่อระงับยับยั้งการกระทำที่ไม่ชอบของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์ฯและคณะกรรมการสหกรณ์ ปล่อยให้มีการกระทำความผิดเป็นเวลากว่า 10 ปี ทั้งการปล่อยเงินกู้ให้บุคคลภายนอกไม่ชอบด้วยกฎหมาย การแก้ไขข้อบังคับเพื่อให้บุคคลภายนอกเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งการจ่ายเงินทดลองให้นายศุภชัยนำไปใช้ในธุรกิจส่วนตัว ถือว่าทั้ง 2 หน่วยงานละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร ทั้งที่ตรวจพบการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 2543
+++ศาล พิพากษาให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่สมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย จำนวน 8 ราย โดยเป็นเงิน 1,000 บาท, 10,000 บาท, 1 แสน 10,000 บาท, 2 แสนบาท และ 3แสนบาท ตามกรณีของแต่ละคน และในคดีหมายเลขดำที่ 913/2557 จำนวน 1 ราย เป็นเงิน 40,000 บาท โดยผู้เสียหายทั้งหมดจะได้รับเงินชดเชยตามจำนวนที่ศาลกำหนด พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องคดี จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ทั้งนี้มียอดเงินที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะต้องชดใช้ทั้งหมด 6 แสน 73,000 บาท
+++กรณีข่าวพบมีมือที่สามเตรียมก่อเหตุยุยง ปลุกปั่น มวลชนในพื้นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี จะแถลงปิดคดีทุจริตจำนำข้าวในวันที่1ส.ค.นี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมขอศาลออกหมายจับภายในสัปดาห์หน้า จำนวน 3คนในข้อหา ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
+++ส่วนกลุ่มการเมือง ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหว ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ศาลฎีกาฯ ยังไม่มีการเรียกประชุมวางแผนกรกฏ 52 เนื่องจาก ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำสั่งของศาลก่อนพิจารณาวางกำลังรักษาความปลอดภัย ส่วนกลุ่มบุคคลที่มาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 1 ส.ค. นี้ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ถือเป็นสิทธิสามารถทำได้แต่ให้อยู่กรอบของกฏหมาย ไม่สร้างความวุ่นวายบริเวณศาล
+++การพิจารณาคำร้องของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วย กกต. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะประชุมเพื่อพิจารณาลงมติว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้วินิจฉัยหรือไม่ ในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 13.30 น. ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ และเป็นช่วงที่ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้ ส่วนคำร้องในเรื่องอื่นๆที่ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ที่มีจำนวน 10 เรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญ กำลังเร่งพิจารณา
+++ทพ.ไพศาล กังวลกิจ นายกทันตแพทยสภา ยื่นหนังสือต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ซึ่งในกฎหมายดังกล่าวได้นำเครื่องเอ็กซเรย์ฟัน ไปรวมอยู่กลุ่มเดียวกับสารกัมมันตรังสีและวัสดุนิวเคลียร์ ทั้งที่เครื่องเอ็กซเรย์ทางทันตกรรมมีขนาดเล็ก แต่บังคับใช้กฎหมายที่มีอัตราโทษเท่ากัน คือ จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งถือว่าเป็นโทษที่รุนแรง ส่งผลให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานของทันตแพทย์ ที่ไม่กล้าใช้เครื่องเอ็กซเรย์ทางทันตกรรม ทำให้ต้องส่งผู้ป่วยไปตามโรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและประชาชนไม่ได้รับความสะดวก ทั้งนี้ พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ได้ให้อำนาจ รมต.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกกฎกระทรวงยกเว้นเครื่องเอ็กซเรย์บางประเภทได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเจรจาเรื่องดังกล่าวหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จึงมายื่นหนังสือ
+++นายพรเพชร กล่าวว่า จะนำข้อร้องเรียนดังกล่าวไปให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สนช.ที่เกี่ยวข้องได้เชิญผู้แทนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาซักถามว่าสามารถออกกฎกระทรวงได้หรือไม่
+++นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้ ไว้ที่ร้อยละ 3.6 แม้ว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีทั้งจากการส่งออก และนำเข้า แต่ยังต้องจับตาการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ และการเบิกจ่ายงบกลางปีว่าจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 35 ล้านคนหรือไม่
+++เมื่อเดือนมิถุนายน การเบิกจ่ายงบกลางปีอยู่ที่ร้อยละ 27.6 และทั้งปี คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ร้อยละ 50-60 ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ สศค.ปรับประมาณการภาคส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ส่วนการนำเข้าปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 9.7 จากเดิมคาดว่าร้อยละ 7.5
+++ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,581.06 จุด ลดลง 2.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,529.36 ล้านบาท โดยตลาดเริ่มกลับมาผันผวนจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มแบงก์ ที่นักลงทุนกังวลเรื่องของหนี้เสีย
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 190.15 จุด ปิดที่ 27,131.17 จุด
+++ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 29.48 จุด ปิดที่ 20,079.64 จุด
+++บริษัทอเมซอน ดอทคอม อิงค์ ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของโลก เปิดตัวบริการส่งสินค้าด่วนในสิงคโปร์ในวันนี้ นับเป็นการขยายตลาดครั้งใหญ่มาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเปิดศึกแย่งตลาดการค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซกับคู่แข่งจากประเทศจีนคือบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง เป็นครั้งแรก
+++อเมซอน เคยจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าทั่วๆไปในสิงคโปร์ แต่ไม่เคยให้บริการในลักษณะพิเศษเช่นที่เปิดตัวในวันนี้คือการสั่งซื้อสินค้าช่วงโอกาสทองผ่านแอพพลิเคชั่นของอเมซอนชื่อเดอะไพรม์ นาว สิงคโปร์ ซึ่งอเมซอนให้คำมั่นว่าจะจัดส่งสินค้าต่างๆตั้งแต่สินค้าจำพวกยาหม่อง,ไข่ไก่,สว่านเจาะแบบกระแทกและผ้าอ้อม เป็นต้น โดยจะส่งสินค้าให้กับลูกค้าภายใน 2 ชม.และไม่คิดค่าส่งสำหรับการสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่ 40 ดอลลาร์สิงคโปร์(ราว 981 บาท)ขึ้นไป
+++สำหรับตลาดเอเชีย อเมซอนเลี่ยงการเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน แต่มุ่งเปิดตลาดในอินเดียแทน แต่ยังอยู่ในอันดับสอง รองจากผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซท้องถิ่นในอินเดียคือ ฟลิปการ์ด
แฟ้มภาพ