กรณีที่น.ส. ภัทรมน จันทร์บัว แม่อุ้มบุญน้องแกมมี่ ให้คู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลียแล้วให้กำเนิดลูกฝาแฝด แต่ชาวออสเตรเลียรับเด็กไปเลี้ยงดูเฉพาะแฝดหญิงที่สมบูรณ์ ไม่รับแฝดชายเนื่องจากมีอาการดาวน์ซินโดรม ทพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลป กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า จะตรวจสอบในส่วนสถานพยาบาล เพื่อดูว่าสถานพยาบาลได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในเรื่องการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าไม่ได้รับอนุญาตจะเข้าข่ายความผิดปล่อยให้มีผู้ดำเนินการผิดประเภท
ในส่วนของแพทย์ผู้ดำเนินการ จะพิจารณาว่าได้รับอนุญาตจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยหรือไม่ หากพบว่าไม่ได้ขึ้นทะเบียน จะถูกดำเนินคดี มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในข้อหาให้บริการผิดประเภท นอกจากนี้ จะส่งเรื่องให้แพทยสภาพิจารณาด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพด้วย ซึ่งมีโทษหนักสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
กรณีอื่นๆ เบื้องต้น สบส.กำลังเร่งตรวจสอบ ข้อมูลทั้งในอินเตอร์เน็ต และ สถานพยาบาลอีก 12 แห่ง ที่พบว่ามีการเปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย 7 แห่ง ส่วนอีก 5 แห่ง เปิดสถานพยาบาลอย่างผิดกฎหมาย ส่วนแพทย์ที่กระทำยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ได้รับอนุญาตจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯหรือไม่ หากพบว่าฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎหมายต่อไป
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า แพทยสภาจะเร่งประสานขอข้อมูลของแพทย์ที่เป็นผู้ดำเนินการไปยังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและกรมการกงสุลว่า มีแพทย์รายใดบ้างที่กระทำให้บริการอุ้มบุญ นอกเหนือจากแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ฯที่มีอยู่ 45 คน เพื่อเชิญตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภา หากพบกระทำผิดดำเนินการไม่ถูกต้องจริง จะถูกลงโทษทางวินัย โดยภาคทัณฑ์หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกรรม และหากกระทำผิดซ้ำ จะมีโทษหนักสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตทันที ทั้งนี้ ตามประกาศแพทยสภา ที่ 21/2545 เรื่อง มาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์(ฉบับที่ 2) กำหนดไว้ว่า กรณีที่คู่สมรสต้องการมีบุตรโดยให้หญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญ ผู้ประกอบวิชาชีพที่ดำเนินการต้องใช้ตัวอ่อนที่มาจากเซลล์สืบพันธุ์ของคู่สมรสเท่านั้น ไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนแก่หญิงที่ตั้งครรภ์แทนในลักษณะที่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ และหญิงที่ตั้งครรภ์แทน จะต้องเป็นญาติโดยสายเลือดของคู่สมรส ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง