ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.
+++อิทธิพลพายุ "เซินกา" ว่าจะทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประสบกับภาวะฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นเหตุทำให้ในบางพื้นที่อาจส่งผล ให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้
+++วันนี้ต้องตามภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 4/2560 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีการรายงานภาพรวมการลงทุนช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้งการอนุมัติโครงการลงทุนที่สำคัญๆ
+++มีคำสั่งคสช. เกี่ยวข้องการสอบสวนข้าราชการที่มีพฤติกรรมทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 35/2560 ประกาศรายชื่อตรวจสอบเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่รัฐพัวพันทุจริต ครั้งที่ 9 จำนวน 70 คน ว่าเป็นเรื่องของศูนย์อำนวยการ ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) รวบรวมจากหลายหน่วยงานมา และเสนอมาที่รัฐบาลในการตรวจสอบ จำเป็นต้องเอาออกจากตำแหน่งก่อน ไม่ได้หมายความปลดหรือให้ออกจากตำแหน่งเลย โดยยังดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวอยู่ เพียงแต่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการตรวจสอบ มีการลงโทษทั้งทางวินัยและดำเนินคดีเรียบร้อยไปแล้วกว่า ร้อยละ 40 ส่วนที่เหลือเป็นกรณีซ้ำซ้อนต้องใช้เวลา ทั้งนี้ยังเป็นเพียงการตรวจสอบ ยังไม่ได้ดำเนินคดี เพราะถ้าเป็นคดีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อันนี้แค่ตรวจสอบถ้าผิดก็ปรับย้าย หรือลงโทษลดบำเหน็จ แต่ถ้าเป็นคดีต้องส่งศาล นำไปสู่การปลดออก
++นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) จะส่งเหตุผลพร้อมพยานหลักฐานในกรณีที่ข้าราชการแต่ละรายถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนสาเหตุที่มีการใช้มาตรา 44 เข้าไปดำเนินการกับข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นสัดส่วนมากกว่าข้าราชการหน่วยอื่น เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกระจายอยู่ทั่วประเทศและมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของข้าราชการหน่วยงานอื่น จึงทำให้มีการร้องเรียนและถูกดำเนินการจำนวนมากผู้ที่ถูกระงับการปฏิบัติราชการชั่วคราวตามอำนาจมาตรา 44 หากสามารถนำหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม ซึ่งการระงับการปฏิบัติราชการชั่วคราว ก็เพื่อให้การสอบสวนดำเนินไปอย่าง โปร่งใส
+++นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นการทำสัญญาซื้อขายในเชิงพาณิชย์ ทำนองเดียวกับการทำสัญญาระหว่างเอกชนและเอกชน ไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีผลผูกพันต่ออาณาเขตหรืออธิปไตย จึงไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา หลังจากที่ สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้วินิจฉัยว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ S-26T ระหว่างกองทัพเรือ (ทร.) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกระทรวงกลาโหม โดย ทร.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ชอบด้วย
+++ต้องตามกันต่อ หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวม 34 ราย หลีกเลี่ยงละเว้นไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศจำนวน 1,921,061,629.46 บาท กรณีจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) โดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ และเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง เปิดเผยความคืบหน้าการไต่สวน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า คดีดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช. คาดว่าภายในเดือนก.ย.นี้จะสามารถชี้มูลความผิดได้
+++ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ(กรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย) พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนัดแรก ได้พิจารณาประเด็นที่กรธ.เห็นแย้ง 4 ประเด็น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะมีการปรับปรุงทบทวนอย่างไร เพราะที่ประชุมยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ในเรื่องรายละเอียด จึงขอให้กมธ.แต่ละคนไปศึกษาราย ละเอียดทั้ง 4 ประเด็น แล้วกลับมานำเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 27ก.ค.จากนั้นกมธ.จะนัดประชุมอีก2ครั้งคือวันที่ 31ก.ค. และวันที่ 1ส.ค.เพื่อหาข้อยุติให้ได้ภายในเวลา 15 วันตามที่กฎหมายกำหนดส่วนข้อเสนอเรื่องบทลงโทษการจำคุกและการยุบพรรค หากมีการทำผิดในขั้นตอนไพรมารีโหวต ได้ขอให้กมธ.แต่ละคนไปศึกษาทบทวนรายละเอียด แล้วกลับมานำเสนอต่อที่ประชุมในวันที่ 27 ก.ค.อีกครั้ง เบื้องต้นยังมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องกระบวนการและบทลงโทษ เนื่องจากกมธ.บางส่วนมองว่า เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป
++++หลังจากเกิดกระแสข่าวลือ ว่า ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มีพยาบาลลาออกจำนวนมาก จนต้องปิดห้องผ่าตัดหลายห้องนั้น นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตามปกติแต่ละปีจะมีบุคลากรเข้าออกหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา โดยอัตราการลาออกจะอยู่ที่ ร้อยละ4-5 เหตุผลที่ลาออก ก็มีตั้งแต่ เรียนต่อ กลับภูมิลำเนา เปลี่ยนอาชีพ ซึ่งในปีนี้ไม่พบว่า อัตราการลาออกผิดปกติแต่อย่างใด จากการตรวจสอบ ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลมีทั้งหมดใน 7 อาคาร รวมทั้งหมด 65 ห้อง ซึ่งแต่ละแผนกจะมีห้องผ่าตัด เช่น ศัลยกรรม ศัลยกรรมกระดูก ตา หูคอจมูก ก็จะแยกกัน ซึ่งส่วนที่มีบุคลากรลาออก เป็นส่วนของคลินิกพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับการให้บริการบัตรทอง หรือ ประกันสังคม และอยู่ระหว่างการปรับเกลี่ยกำลังคน และยืนยันว่าไม่กระทบต่อการให้บริการ