หลังการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่าการประชุมวันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของ ปยป. ซึ่งมีทั้งหมด 4 คณะ ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฏหมาย ที่ต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด จึงต้องทำให้ประชาชนรับรู้ รับทราบ และเรียนรู้ไปพร้อมกัน และในส่วนของโครงสร้าง 3 ปี ส่วนตัวมองว่าดำเนินการมาได้มากพอสมควรแต่ยังไม่เข้าถึงประชาชน โดยทั้งหมดสอดคล้องกับการลงพื้นที่ในการประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจร พร้อมยืนยันว่า ทำงานให้กับทุกพื้นที่ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ ที่รัก ที่ชอบตนเองเท่านั้น ส่วนจะลงพื้นที่ใดก่อนเป็นจังหวัดแรก ยังไม่ขอบอก เพราะเป็นความลับของครม.
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีทีประชาชนจะรวมตัวให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีอ่านคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ว่า อยากฝากไว้ในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องความมั่นคง ที่มีหลายคนประกาศว่าจะออกมาเคลื่อนไหวนั้น อยากให้ถามประชาชนทั้งประเทศว่ารับได้หรือไม่ เพราะมองว่า จะรักใครชอบใครก็รักไป แต่จะต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและทำให้กฎหมายเสียหาย เนื่องจากมีกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ดังนั้นหากมีใครปลุกระดมมวลชนมา จะต้องทราบดีว่าผิดกฎหมายทุกข้อ หากไม่โดนในวันนี้ก็จะต้องโดนในวันหน้า เพราะกฎหมายยังไม่ได้ยกเลิก
ด้านขณะที่นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาป.ย.ป. เปิดเผยที่ประชุมว่า ได้มีการสรุปการทำงานของ ป.ย.ป.ทั้ง 4 คณะ ซึ่งหลังจากนี้จะเหลือเวลาทำงานอีก 10-14 เดือน โดยหลังพ.ร.บ.ยุทธศาตร์ชาติชาติและพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะประกาศในวันที่ 1 สิงหาคม และตั้งคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติอีก 34 คน ซึ่งมีวาระ 5 ปี ซึ่งจะทำงานในเดือนกันยายน 60 -เมษยน 61 โดย 2 คณะนี้ต้องรับฟังความเห็นประชาชนทั่วประเทศและประกาศยุทธศาสตร์ชาติ ภายในเดือนกันยายน 61 เพื่อส่งมอบยุทธศาสตร์ชาติให้กับรัฐบาลใหม่ ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างสัญญาประชาคม 10 ข้อและภาคผนวก 15 ข้อ ที่คณะกรรมเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจจะชี้แจงผ่านรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในวันศุกร์นี้ และกระทรวงมหาดไทยและกอ.รมน.จะลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน โดยไม่มีการให้พรรคการเมืองหรือคู่ขัดแย้งมาร่วมนามหรือลงสัตยาบัน