ทันสถานการณ์โลก 6.30 น.

สหภาพลุ่มแม่น้ำมาโน ซึ่งประกอบด้วย ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี ประกาศการกักกันพื้นที่โรคอีโบลา มีการโดยมีกำลังทหารตำรวจดูแล และส่งเสริมการตรวจรักษาผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าศูนย์กลางการระบาดขณะนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 300 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่เมืองเคเนมาทางตะวันออกของเซียร์ราลีโอน ไปจนถึงเมืองมาเซนตาทางใต้ของกินี และครอบคลุมป่ารกทึบทางตอนเหนือของไลบีเรียเกือบทั้งหมด

นางมากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการ องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า การรับมือของทั้งสามประเทศยังไม่เพียงพอ ทำให้การระบาดลุกลามรวดเร็วกว่าความพยายามควบคุม และเป็นการระบาดร้ายแรงที่สุด

ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ ที่มณฑลยูนนาน ทางตอนใต้ของจีน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 367 ศพแล้วและบาดเจ็บอีก 1,881 คนบ้านเรือนเสียหายหลายหมื่นหลัง โดยเฉพาะในเขตหลูเตียนเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ซึ่งทางการจีนได้ส่งกำลังทหาร 2,500 คนลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ว

ด้านนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจไปถึงรัฐบาลจีนและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งสหประชาชาติพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ

ประชาชนประมาณ 500,000 คน ทั้งในและรอบเมืองโตเลโด รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่มีน้ำสะอาดดื่มมาเป็นวันที่ 2 แล้ว เพราะกำลังมีการตรวจสอบระบบการส่งน้ำประปาท้องถิ่น เนื่องจากระดับของสารพิษจากสาหร่ายในทะเลสาบเลค เอรี ที่นำมาผลิตเป็นน้ำประปาอยู่ในระดับสูง และนายจอห์น แคสสิช ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอในสหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อม

ที่อิตาลีเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันและน้ำหลาก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บอีก 20 คน โดยมีฝนตกหนักเพียงแค่ 10 นาทีก่อนเที่ยงคืน ระดับน้ำในแม่น้ำแลร์ซา ก็เอ่อล้นฝั่ง พัดพาผู้ชมงาน และทรัพย์สินต่างๆ ในงานเทศกาลที่เมืองเรฟรอนโตโล ทางตอนเหนือของเมืองเวนิช

ส่วนชาวชิลีหลายพันคนเดินขบวนประท้วงต่อต้านโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอัลโต ไมโป กำลังการผลิต 531 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงชิลีไปทางตะวันออกราว 50 กิโลเมตร ซึ่งผู้ประท้วงเห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อน้ำประปาและชลประทาน

ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ร่วมงานรำลึกครบ 100 ปี สงครามโลกครั้งที่ 1 ในกรุงปารีส พร้อมวิงวอนให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งที่ฉนวนกาซายุติการเป็นศัตรูต่อกัน เหมือนอย่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ที่เคยเป็นปรปักษ์กันในสงครามโลกมาแล้ว และนับเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีโจอาคิม ก็อค แห่งเยอรมนีเข้าร่วมงานนี้

โดยสถานการณ์ในกาซา อิสราเอลยังคงโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิต 10 ศพ และบาดเจ็บอีก 35 คน จากการโจมตีโรงเรียนที่สหประชาชาติจัดเป็นสถานที่พักพิงของผู้ลี้ภัย โดยโรงเรียนแห่งนี้อยู่ในเมืองราฟาห์ มีผู้ลี้ภัยกว่า 3,000 คน และการโจมตีเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ลี้ภัยกำลังเข้าแถวรอรับอาหาร

กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า จะมีการสืบสวนเหตุโจมตีโรงเรียนของสหประชาชาติ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ส่วนโรงพยาบาลต่างๆในฉนวนกาซาก็ประสบปัญหาการรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งมีจำนวนเกือบหนึ่งหมื่นคนแล้ว ขณะที่มีผู้เสียชีวิตถึง 1,766 ศพ ส่วนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ออกมากล่าวว่า ปฏิบัติการทำลายอุโมงค์ใต้ดินของกลุ่มฮามาสใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยทำลายอุโมงค์ใต้ดินไปแล้วมากกว่า 30 จุด และภารกิจนี้อาจจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ส่วนเหตุรุนแรงในลิเบีย มีการสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธ 2 ฝ่าย เพื่อแย่งชิงการควบคุมสนามบินนานาชาติกรุงตริโปลีมาเป็นเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ศพ อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าวันอาทิตย์สถานการณ์กลับมาอยู่ในความสงบชั่วคราว เพราะมีกลุ่มติดอาวุธยิงจรวดโจมตีคลังน้ำมันอีกครั้ง และโรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองหลวงลิเบียได้ รับศพผู้เสียชีวิต 22 ศพ และคนบาดเจ็บ 72 ราย สำหรับกลุ่มติดอาวุธทั้ง 2 กลุ่มคือมิสราต้าและกลุ่มซินตัน เคยร่วมกันโค่นล้มพ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย แต่เมื่อ 3 ปีก่อน จากนั้นก็หันมาสู้รบกันเพื่อแย่งชิงอำนาจ

กลุ่มผู้นำและตัวแทนของประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกา ราว 50 คน เข้าร่วมการประชุมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐที่กรุงวอชิงตันดี.ซี.เมืองหลวงของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 ถึงวันพุธที่ 6 สิงหาคมนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งผู้นำสหรัฐคาดหวังว่า จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและความมั่นคงของทั้งสองฝ่าย ท่ามกลางสภาพการแข่งขันทางอิทธิพลกับจีนแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นในแอฟริกา

นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย เดินทางเยือนเนปาลเป็นเวลา 2 วัน เพื่อเจรจาการค้าและกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีโมดียังเป็นผู้นำอินเดียคนแรกในรอบ 17 ปีที่เยือนเนปาลอย่างเป็นทางการ

*-*