ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายซิดนีย์ โจนส์ ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์นโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซียและผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาก่อการร้ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า กรณีกลุ่มติดอาวุธระดับท้องถิ่นที่ฝักใฝ่กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)บุกยึดเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อสองเดือนก่อนอาจจะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของภัยคุกคามยุคใหม่ที่อาจจะกระทบความมั่นคงของหลายประเทศในภูมิภาคนี้
ผอ.สถาบันวิเคราะห์นโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของอินโดนีเซียกล่าวว่าความเหิมเกริมและการจัดตั้งองค์กรอย่างเป็นระบบมากขึ้นของนักรบในท้องถิ่นและต่างชาติคือจากอินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ อาจจะสร้างปัญหาด้านความมั่นคงของภูมิภาคนี้ในอนาคต โดยเฉพาะถ้าหากกลุ่มไอเอสสามารถจะเข้ามาปักหลักจัดตั้งที่มั่นในภูมิภาคนี้ได้สำเร็จ ที่ผ่านมากองทัพฟิลิปปินส์พยายามจะผลักดันกลุ่มติดอาวุธให้ออกจากพื้นที่เมืองมาราวี หลังการบุกเข้ายึดเมืองนี้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เพื่อจัดตั้งรัฐคอลีฟะห์ขึ้นมาในฟิลิปปินส์
แต่ผอ.สถาบันวิเคราะห์นโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของอินโดนีเซียมองปัญหานี้ว่าคงจะไม่สิ้นสุดลง แม้ว่ากองทัพฟิลิปปินส์จะสามารถประกาศชัยชนะในการสู้รบในครั้งนี้ก็ตาม ระบุว่าอินโดนีเซียและมาเลเซียจะเผชิญกับภัยคุกคามใหม่คือมีกลุ่มนักรบที่ผ่านประสบการณ์การสู้รบอย่างโชกโชนจากเกาะมินดาเนา ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์เองก็จะยังมีภัยคุกคาคือมีเครือข่ายนักรบกลุ่มเล็กๆที่กระจัดกระจายกำลังกันอยู่ในที่ต่างๆ แต่มีศักยภาพในการก่อเหตุรุนแรงและสามารถจะเผยแพร่อุดมการณ์หัวรุนแรงให้ประชาชนบางกลุ่มหลงเชื่อได้เช่นกัน การสู้รบในเมืองมาราวีจนถึงวันที่ 20 กรกฏาคม มีนักรบจากกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิตแล้ว 427 ศพ ทหารเสียชีวิต 99 ศพ พลเรือน 45 ศพและชาวบ้านหลายแสนคนไร้ที่อยู่อาศัย
ทีมต่างประเทศ
แฟ้มภาพ AFP