+++พนักงานสอบสวนเมียนมาร์ ระบุว่า ผลตรวจสอบกล่องดำที่บันทึกข้อมูลการบิน พบว่าสภาพอากาศแปรปรวนเป็นสาเหตุหลักทำให้เครื่องบินลำเลียงรุ่นวาย-8 ของกองทัพเมียนมาร์ตกในทะเลอันดามันเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ขณะทำการบินในระยะสั้นๆ จากเมืองมะริดไปยังนครย่างกุ้งคนบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้ง 122 ศพ ในจำนวนนี้มีลูกเรือ 14 คน ผู้โดยสารทั้งหมดเป็นทหารในกองทัพเมียนมาร์และครอบครัว ไม่ได้เกิดจากการเหตุวินาศกรรม ระเบิดหรือเครื่องยนต์ขัดข้อง
+++สำนักข่าวเอพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯว่าในรายงานประจำปี Country Reports on Terrorism ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า อิหร่านเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้ายระดับหัวแถวของโลก ในปี 2559 ความโดดเด่นที่ไม่น่าภาคภูมิใจ ที่อิหร่านครองมาหลายปี โดยอิหร่านเหนียวแน่นในการหนุนหลังหลายกลุ่มที่ต่อต้านอิสราเอล รวมทั้งกลุ่มตัวแทนที่ทำลายความมั่นคงของหลายประเทศ ที่กำลังถูกทำลายล้างอยู่แล้วจากความขัดแย้ง เช่น อิรัก ซีเรีย และเยเมน นอกจากนั้น อิหร่านยังคงเดินหน้าเกณฑ์นักรบในอัฟกานิสถานและปากีสถาน เข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธชาวนิกายชีอะห์ เพื่อสู้รบในซีเรียและอิรัก และการสนับสนุนขบวนการเฮซบอลลาห์ในเลบานอนของอิหร่านยังไม่เปลี่ยนแปลง
+++ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานีผู้นำอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะตอบโต้อย่างเหมาะสมกับมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ แต่อิหร่านจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้กับกลุ่มประเทศมหาอำนาจ แถลงการณ์ของผู้นำอิหร่านมีขึ้นภายหลังจากสหรัฐฯและอิหร่านใช้มาตรการคว่ำบาตรตอบโต้กันไปมาจากข้อขัดแย้งที่อิหร่านพัฒนาโครงการขีปนาวุธ โดยสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ส่วนอิหร่านตอบโต้กลับด้วยการคว่ำบาตรชาวอเมริกันและบริษัทที่ดำเนินการเป็นปฏิปักษ์กับชาวอิหร่านเช่นกัน
+++เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายดักโจมตีขบวนรถของหน่วยอารักขาประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ทำให้ทหารเสียชีวิต 1 นาย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ต่ำกว่า 5 นาย คาดเป็นฝีมือของกลุ่มกบฎคอมมิวนิสต์ นายลออี ดากอย หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีดูเตร์เต ไม่ได้อยู่ในขบวนรถ ขณะที่ถูกโจมตี ในเมืองอารากัน จังหวัดนอร์ท โคตาบาโต บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อารักขาประธานาธิบดี 10 คนนั่งอยู่ในรถยนต์ 2 คัน
+++การโจมตีดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียว หลังประธานาธิบดีดูเตร์เตเรียกร้องต่อสภาคองเกรส ให้ขยายกฎอัยการศึกไปจนถึงสิ้นปี เพื่อให้ทหารและเจ้าหน้าที่มีเวลาในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธเมาเต กับกลุ่มอาบู ไซยาฟ แนวร่วมกลุ่มไอเอส ที่บุกยึดเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.
+++ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แต่งตั้งพล.อ.ฟร็องซัวส์ เลกอยเตร อายุ 55 ปี ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพคนใหม่ของฝรั่งเศส แทนพลเอกปิแอร์ เดอ วิลลิเยร์ วัย 60 ปีที่ยื่นใบลาออก หลังมีปัญหาขัดแย้งกับผู้นำฝรั่งเศสในเรื่องการตัดงบกลาโหม โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส ระบุว่า พล.อ.เลกอยเตร เป็นวีรบุรุษคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับนับถือในกองทัพฝรั่งเศส เคยปฏิบัติภารกิจในเมืองซาราเยโวในช่วงสงครามยูโกสลาเวียเมื่อปี 2533 นอกจากนี้ เขาเคยทำหน้าที่ผู้บัญชาการหน่วยฝึกอบรมทางทหารของยุโรปเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในประเทศมาลีในทวีปแอฟริกา ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ ไม่กี่ชั่วโมงหลังพล.อ.วิลลิเยร์ ลาออกจากตำแหน่ง แต่ยังจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีที่จะประชุมกันในวันนี้
+++ตำรวจที่สนามบินนาริตะ ในกรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น ยึดเครื่องกระสุนได้ภายหลังจากตรวจพบในกระเป๋าของลูกเรือ เมื่อวันเสาร์ ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบสิ่งของก่อนนำขึ้นเครื่องบินกลับไปสหรัฐฯ นายมาซาโตชิ อิโตะ ตำรวจสนามบิน กล่าวว่า ลูกเรือเป็นชายชาวอเมริกัน วัย 50 ปีเศษ ให้การกับตำรวจว่า เขาลืมนำกระสุนออกจากกระเป๋าก่อนเดินทางมากรุงโตเกียว ซึ่งการนำกระสุนไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน เป็นเรื่องผิดกฎหมายตามกฎหมายสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ปล่อยตัวเขาไปเมื่อวันเสาร์ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เป็นอันตราย แต่ตำรวจยังคงสอบสวนว่า เขานำเครื่องกระสุนไว้ในกระเป๋าขึ้นเครื่องโดยเครื่องตรวจจับไม่พบได้อย่างไร ระหว่างเดินทางมาสนามบินนาริตะ
+++ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างคำแนะนำจากสำนักการบินพลเรือน กระทรวงการสื่อสารและคมนาคมของเม็กซิโกว่า ถ้าหากจะเดินทางโดยเครื่องบินจากเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯ ผู้โดยสารควรจะเผื่อเวลาโดยการเดินทางไปถึงสนามบินเร็วกว่าเดิม 3 ชม.เพื่อปฏิบัติตามระเบียบใหม่ด้านความปลอดภัยของการบินพลเรือน มาตรการนี้เริ่มมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ เป็นต้นไป สายการบินทุกแห่งในเม็กซิโกจะตรวจตราสัมภาระผู้โดยสารอย่างละเอียด โดยเฉพาะอุปกรณ์ครื่องไฟฟ้าแบบพกพาที่มีขนาดใหญ่ โทรศัพท์มือถือต้องผ่านการตรวจตราความปลอดภัยโดยละเอียดก่อนจึงจะได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินได้ และแนะนำให้แยกเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นนั้นออกจากสัมภาระอื่นๆเพื่อสะดวกแก่การตรวจตรา เนื่องจาก คำสั่งของกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ ที่ห้ามผู้โดยสารนำเครื่องแล็ปท็อปขึ้นเครื่องบินที่จะบินเข้าไปยังสหรัฐฯจาก 8 ประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหวั่นเกรงว่าคนร้ายอาจจะลักลอบนำระเบิดขึ้นเครื่องบิน
+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจอย่างมากที่มีข่าวลือว่าเขาได้พบปะพูดคุยอย่างลับๆ กับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเป็นรอบที่สอง ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำจี-20 ที่เยอรมนี เมื่อช่วงต้นเดือน นายทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความลงในทวีตเตอร์อย่างมีอารมณ์ พร้อมระบุว่า ความจริงแล้ว การพบปะกันรอบสอง มีขึ้นในระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำ ที่นายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคิลของเยอรมนี เป็นเจ้าภาพ โดยมีผู้นำทั้ง 20 ประเทศ พร้อมด้วยคู่สมรสเข้าร่วมงานในระหว่างงานเลี้ยง ประธานาธิบดีปูติน ได้ที่นั่งถัดจากนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ขณะที่นายทรัมป์ นั่งใกล้กับนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น แต่ในช่วงหนึ่งได้เดินไปหานางเมลาเนีย ทรัมป์ และพูดจาทักทายกับนายปูติน เพียงเล็กน้อยเล็กน้อยเท่านั้น โดยใช้ล่ามรัสเซีย นายทรัมป์ ระบุ ในทวีตเตอร์ย้ำว่าเป็นเรื่องแย่มาก ที่มีการสร้างข่าวลือใหญ่โตนี้ขึ้นมา
+++ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯและรัสเซีย กลายเป็นที่จับตามองนับตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนายทรัมป์มักแสดงความชื่นชมปูตินอย่างเปิดเผย และต่อมาก็ยังมีข่าวรัสเซีย แฮกอีเมล ของนางฮิลลารี คลินตัน เพื่อล้วงข้อมูลลับออกมาตีแผ่ ช่วยให้นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งได้ในที่สุด ซึ่งสภาคองเกรสยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ในขณะนี้
+++พนักงานต้อนรับบนเครื่องบางส่วนของสายการบิน บริติช แอร์เวย์ ของอังกฤษ เตรียมผละงานประท้วงเพิ่มอีก 14 วัน จนถึงกลางเดือนหน้า ส่วนหนึ่งของกรณีพิพาทแรงงาน เกี่ยวกับเงินเดือนค่าตอบแทนที่กำลังดำเนินอยู่ ผู้บริหารของบริติช แอร์เวย์ กล่าวในระหว่างการประท้วงก่อนหน้านี้ว่า ผู้โดยสารลูกค้าทุกคนจะเดินทางถึงจุดหมายอย่างแน่นอนการผละงานประท้วงครั้งใหม่ตามที่ประกาศ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 15 ส.ค. ทั้งนี้ มีการเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงหลายครั้งแล้วในปีนี้
แฟ้มภาพ