หลังการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุม พร้อมด้วย ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง นายวีระ โรจน์พจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากรพร้อมคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมประชุม
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีครั้งนี้ จะแบ่งการทำงานออกเป็น 5 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จัดขึ้นบริเวณพระที่นั่งทรงธรรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกประกอบด้วย มีเนื้อหา พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ธรรมราชาซึ่งเป็นงานต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงดำริขึ้น ส่วนที่ 2 สืบสานสมานมิตร มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างประเทศที่ทรงพระราชดำเนิน รวมถึงพระเกียรติคุณที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ และเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ถือเป็นพระราชกรณียกิจ ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก มีสำนักพระราชวัง กรมศิลปากร มูลนิธิที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ กลุ่มจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบและการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ จัดบริเวณศาลาลูกขุน ทิม ทับเกษตร มีกรมศิลปากรรับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าในแต่ละขั้นตอนนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลก และยังยึดถือธรรมเนียมประเพณีไว้จนถึงปัจจุบัน กลุ่มจราจร รักษาความปลอดภัย พยาบาลและการอำนวยความสะดวกมีกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) เป็นผู้รับผิดชอบ กลุ่มการบริหารจัดการประสานงานเจ้าหน้าที่ การจัดประชาชนให้เข้าชม มีกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ และกลุ่มจัดกิจกรรมและการแสดงบริเวณพระเมรุมาศและด้านทิศเหนือของท้องสนามหลวง โดยจัด การแสดงเสมือนจริง
ส่วนการแสดง โขนหน้าพระเมรุมาศและพระที่นั่งทรงธรรมที่จะมีขึ้นในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้น จะนำมาจัดแสดงอีกครั้งแบบเหมือนจริงในเวลาที่เหมาะสม ส่วนการจัดให้ประชาชนขึ้นชมพระเมรุมาศนั้น จะกำหนดปริมาณคนให้ขึ้นชมในแต่ละรอบ พร้อมสามารถบันทึกภาพได้ส่วนในจุดที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปสัมผัส จะมีการกั้นเชือกไว้ ทั้งนี้ในบริเวณโดยรอบการจัดนิทรรศการ จะมีเจ้าหน้าที่และจิตอาสายืนประจำจุด เพื่อให้ความรู้ข้อมูลกับประชาชน รวมถึงมีแนวทางจัดทำการให้ข้อมูลแบบสแกนคิวอาโค้ด ให้ข้อมูลปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์มือถือของประชาชนทันที ในจุดที่สำคัญในพระราชพิธีครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการศึกษาข้อมูลของประชาชน โดยหลังจากนี้จะให้แต่ละกลุ่มงานรับผิดชอบตั้งคณะกรรมการขึ้น และนำมาเสนอในที่ประชุมอีกครั้งวันที่ 10 ส.ค พร้อมเสนอแผนงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยรองนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำในที่ประชุมให้คณะกรรมการทุกคนทุ่มเททำงานครั้งนี้อย่างสมพระเกียรติ เรียบง่าย เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนการรองรับประชาชนที่จะเข้า ชมนิทรรศการรองนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาชมนิทรรศการเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ไม่มีความกังวล เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อม และกำหนดเส้นทางในการเดินชม ตั้งแต่การเข้าจนถึงเส้นทางออกของประชาชน ทั้งนี้การจัดแสดงนิทรรศการจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-30 พ.ย.บริเวณท้องสนามหลวงส่วนเวลาคาดว่าจะเป็น 9.00 - 21.00 น.