ศาลอยุธยา คุก2ปี6เดือน ไม่รอลงอาญา เจนภพซิ่งเบนซ์ชนฟอร์ด

19 กรกฎาคม 2560, 11:07น.


กรณีนายเจนภพ วีรพร อายุ 37ปี ขับรถยนต์เบนซ์พุ่งชนท้ายรถยนต์ฟอร์ด ทำให้เพลิงไหม้รถ ทำให้นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี นิสิตปริญญาโทมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เสียชีวิต บนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอินจ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2559 พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด จนสามารถส่งสำนวนฟ้องต่อ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 7 ข้อหา คดีนี้ผ่านมากว่า 1 ปี 4 เดือน วันนี้ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเจนภพ พร้อมด้วยทนายความ และญาติของผู้เสียชีวิต และทนายความของทั้งสองฝ่ายเดินทางมาเพื่อรับฟังคำตัดสิน ทั้งนี้ ในข้อหาขับรถประมาท ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี แต่จำเลยให้การยอมรับรับสารภาพศาล ลดโทษ จำคุก 2 ปี 6เดือน ไม่รอลงอาญา พร้อมเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 5 ปี



ส่วนข้อหาอื่นๆ เช่น เมาแล้วขับและยาเสพติด ศาลยังมีเหตุอันควรสงสัยในการสอบสวนของพนักงานสอบสวน จึงพิพากษายกฟ้อง ซึ่งจะมีการฟ้องกลับหรือไม่ ทนายระบุว่าขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน เนื่องจากพนักงานสอบสวนก็ทำงานเต็มที่ ทนายโจทก์ ระบุว่าในส่วนตัวอยากจะให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานเมาแล้วขับ แต่ก็คงต้องรอต่อไป



ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิต พอใจการตัดสินของศาล เนื่องจาก จำเลยขับรถ257 กม.ต่อกิโลเมตร แสดงว่าพฤติการณ์ของการขับขี่ว่าเป็นการประมาทจริงและลงโทษเต็มอัตรา ในชั้นต้นครอบครัวพอใจ ส่วนในชั้นอุทธรณ์ก็เป็นสิทธิของจำเลย   



นายเจนภพ เจ้าของรถเบนซ์ ทะเบียน ษง 3333 กทม.ชนรถฟอร์ด เฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 กทม.แล้วเกิดเปลวไฟที่ลุกไหม้รถฟอร์ด



นายวิเชียร ชุบไธสง ทนายความโจทก์ร่วมที่ 3 พร้อมด้วย นางกมลรัตน์ ฮ้อแสงชัย มารดาของนางสาวธันฐภัทร์ พร้อมครอบครัว นายกฤษณะ ถาวร และนายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เดินทางมาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อมานัดประชุมคดี ตรวจพยานเอกสารและกำหนดวันนัดสืบพยานในคดีอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1528/2559 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์ นายเจนภพ จำเลย



พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องร่วม 7 ข้อหา คือ 1. ขับรถโดยประมาทอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2. ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 3. ขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4. เป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 5. ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ 6. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น 7. เป็นผู้ขับฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนที่สั่งให้มีการทดสอบ และตรวจสอบผู้ขับรถ ตามกฎหมาย โดยไม่มีเหตุ หรือข้อแก้ตัวอันสมควร



ทั้งนี้ นางกมลรัตน์ มารดาของนางสาวธันฐภัทร์ ได้ยื่นคำร้อง ขอเป็นโจทก์ร่วม และยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแยกเป็น 1. ค่าปลงศพจำนวน 1,665,720 บาท 2. ค่าเสียหาย ที่มีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำงานเป็นคุณแก่บุคคลภายนอก จำนวน 82,000,000 บาท 3. ค่าอุปการะเลี้ยงดู 16,969,783 บาท รวมเป็นเงิน 100,635,503 บาท อย่างไรก็ตาม หากศาลพิพากษา และได้เงินมา จะนำเงินส่วนใหญ่ไปตั้งมูลนิธิสืบสานเจตนารมณ์ ที่นางสาวธันฐภัทร์ มีมาแต่เด็ก ในการที่จะทำนุบำรุงศาสนาพุทธและจะตั้งมูลนิธิเพื่อรณรงค์การขับรถอย่างมีสติ



แฟ้มภาพ



 

ข่าวทั้งหมด

X