หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พระบางรูปและบางวัด ออกมาโจมตีการทำงาน ของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเรียกร้องให้ออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการดำเนินการในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน และขอชื่นชมในการทำงานของสำนักพระพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่คนไทย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่นับถืออยู่ จะต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่น อย่าไปตัดสินว่าดีทั้งหมดเลวทั้งหมดไม่ใช่ เป็นส่วนน้อย ต้องทำให้ส่วนน้อยได้รับการแก้ไขนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ขออย่าไปขยายความขัดแย้งขึ้น ให้เป็นเรื่องกระบวนการดำเนินการ ทั้งนี้ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมการตรวจสอบ วันนี้ต้องลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเพราะพุทธศาสนาสอนให้คนสงบสันติ มีคุณธรรมไม่ได้สอนให้แบ่งแยก มีแต่รวมกำลังจิตใจกันทำสิ่งที่ดีงาม ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
ส่วนจะใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขปัญหาการตรวจสอบเงินทอนวัด หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ใช้ ม.44 ต้องไปหาข้อมูลมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบตามกฎหมายและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องไปฟังศาลเขาได้ชี้แจงไปแล้ว อย่าไปฟังคนที่ทำให้กระบวนการปัญหา ศาลก็คือศาล ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการของศาล อย่าไปเร่งรัดมากนัก ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต้องให้เกียรติพระผิดก็ว่าไปตามผิด
นายกรัฐมนตรียังชี้แจงความคืบหน้าการปลดธงเหลืองไอยูยู หลังคณะทำงานของอียูที่มาตรวจสอบยังไม่พอใจกับการแก้ไขปัญหา โดยระบุว่า คณะทำงานของอียูพอใจ แต่ต้องการให้รัฐบาลไทยเร่งรัดในส่วนที่ยังดำเนินการไม่สมบูรณ์100% ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องดังกล่าว เป็นปัญหาที่สะสมมานาน และ IUU กำหนดกติกามาหลายอย่าง และบางอย่างต้องทำใหม่ เช่น การจดทะเบียนเรือที่จากเดิมมี 2-3 หมื่นลำ แต่ปัจจุบันเหลือ 18,000 ลำ และการวัดขนาดเรือ ดังนั้น ต้องดูผลกระทบกับการประมงไทยด้วย เพราะไทยได้ดำเนินการและผลก็เป็นที่น่าพอใจในแบบของไทย แต่ไอยูยูก็ต้องเอามาตรฐานมากำหนดอยู่ดี จึงอยากให้ทุกคนกลับเข้ามาสู่กฎหมายก่อน แต่ยืนยันว่าจะทำตามขั้นตอนและนโยบายอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดเป็นรูปธรรมและเป็นที่น่าพอใจของรัฐบาลรวมทั้งผ่านมาตรฐานของอียู