ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช รับใช้มาตรการร่วมกับทุกฝ่าย 2ปี ลดคนตายจากอุบัติเหตุจยย.ไม่สวมหมวกนิรภัย

14 กรกฎาคม 2560, 17:18น.


การรณรงค์ให้ชาว จ.นครศรีธรรมราชสวมใส่หมวกนิรภัย หรือ หมวกกันน็อก ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์  พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในช่วงหลาย 10 ปี ที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รณรงค์เรื่องการสวมใส่หมวกกันน็อก ซึ่งเป็นเรื่องของการทำความเข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งต้องยอมรับว่ากฎหมายจราจรเป็นกฎหมายที่ละเอียด กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สิ่งสำคัญคือเรื่องของจิตสำนึก มีความรู้ก็สู้มีจิตสำนึกไม่ได้ โดยแนวทางที่ทำให้ประชาชนยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย คือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงมาร่วมมือกันประชาสัมพันธ์ และเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2558 โดยเน้นเรื่องของหมวกกันน็อก ที่มีอัตราตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูง เดือนละไม่ต่ำกว่า 30-40 ศพ เปรียบเทียบกับเรื่องอาชญากรรมมากกว่า 4-5 เท่า จึงมีการใช้มาตรการสวมหมวก 100% คือนำตัวเลขการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ มาวิเคราะห์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมใช้มาตรการทำบันทึกข้อตกลงในองค์กร แบ่งเป็นส่วนราชการ ส่วนเอกชน ส่วนท้องถิ่น ส่วนชุมชน มาลงบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ เช่น โรงพักใดเจ้าหน้าไม่สวมหมวกกันน็อกจะถูกลงโทษ ร่วมถึงคนในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ หากไม่สวมหมวกก็จะถูกดำเนินการตามมาตรการเช่นกัน





นอกจากนี้ยังใช้มาตรการ 4 คูณ 4 โดย 4 เดือนแรกให้ความรู้กับประชาชนถึงมาตรการที่จะบังคับใช้ ส่วน 4 เดือนหลังบังคับใช้กฎหมาย แต่บังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก เมื่อกระทำความผิด จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมให้มานั่งดูละครที่ทางหน่วยงานจัดทำขึ้นเอง เห็นเป็นอุทาหรณ์ของการใส่หมวกที่จำเป็นต้องใส่ทั้งคนขี่ คนซ้อน ทั้งนี้ไม่ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่จับ แต่ใส่เพื่อความปลอดภัย ให้ตระหนักรู้นำไปปฏิบัติ โดยตัวเลขจากที่ผ่านมา เมื่อหลายภาคส่วนมาช่วยกันดำเนินการ พบตัวเลขผู้ขับขี่สวมใส่หมวกกันน็อก เพิ่มขึ้นร้อยละ 80-90 และการตายลดลงเหลือเดือนละ 10-16 ศพต่อเดือน





ด้านนายคำรพ สวาทธรรม ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ล้ม เล่าว่า ตัวเองเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 11 ก.ค.2560 โดยประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้าง วันเกิดเหตุได้ขี่รถส่งนักเรียนไปเรียนพิเศษ จนถึงสี่แยกมีจักรยานยนต์เด็กวัยรุ่นขี่ออกมาด้วยความเร็ว จึงรีบเบรกอย่างกะทันหัน ทำให้รถจักรยานยนต์ล้ม ร่างลงไปกระแทกกับพื้น ร่างกายฟกช้ำ ซี่โครงหัก ต้องใช้เวลาในการรักษาหลายวัน เนื่องจากช้ำใน อย่างไรก็ตามวันเกิดเหตุตัวเองและนักเรียนที่ซ้อนมาด้วย สวมหมวกกันน็อกทั้งคู่ ทำให้การบาดเจ็บไม่หนักเท่าไหร่ แต่หากในวันนั้นไม่สวมหมวกอาจจะไม่รอดชีวิต คออาจจะหักได้เพราะกระแทกพื้นอย่างรุนแรง โดยตัวเองก็ใส่หมวกกันน็อกเป็นประจำไม่ว่าจะขับขี่ในระยะทางใกล้หรือไกล เพราะการใส่หมวกกันน็อกมีความสำคัญมาก ป้องกันหัวกระแทกพื้นที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุได้

ข่าวทั้งหมด

X