วันชาติฝรั่งเศส/นานาชาติเรียกร้องจีนรับผิดชอบการเสียชีวิตของหลิว เสี่ยวโป/หลายประเทศฝนตกหนัก-น้ำท่วม

14 กรกฎาคม 2560, 05:21น.


+++14 ก.ค. การเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ วัย 71 ปีเดินทางมาพร้อมด้วยนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งถึงกรุงปารีสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง มีกำหนดเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส ซึ่งทำเนียบขาวหวังว่าจะช่วยกลบข่าวเกี่ยวกับผู้นำที่แพร่สะพัดในสหรัฐฯได้  เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯลงจอดที่สนามบินออร์ลีในกรุงปารีส  ผู้นำสหรัฐฯมีกำหนดเยือนฝรั่งเศสเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เยือนสุสานจักรพรรดินโปเลียน และรับประทานอาหารค่ำร่วมกับผู้นำฝรั่งเศสที่ภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์บนหอไอเฟล



+++การเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส 14 กรกฎาคมนี้ จะมีทหารสหรัฐฯเข้าร่วมในพิธีสวนสนามเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีที่สหรัฐฯเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1  ขณะที่มีการกล่าวกันว่า การเยือนฝรั่งเศสครั้งนี้จะหันเหความสนใจจากข้อกล่าวหาว่าครอบครัวและคนสนิทของเขาสมคบคิดกับรัสเซียเพื่อช่วยให้ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ



+++ปฎิกิริยาจากหลายฝ่ายแสดงความเสียใจหลังจากที่นายหลิว เสี่ยวโป นักต่อต้านคอมมิวนิสต์และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็งตับในวัย 61 ปี นานาชาติ แสดงความเสียใจ และไว้อาลัยต่อการจากไป ขณะที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวหารัฐบาลจีนทารุณโหดร้าย แถลงการณ์ของคณะกรรมการรางวัลโนเบล กล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นเรื่องที่น่าขุ่นเคืองอย่างยิ่ง ที่หลิว เสี่ยวโป ไม่ถูกย้ายไปรับการรักษาในสถานที่เหมาะสม ก่อนจะป่วยหนัก รัฐบาลจีนจะต้องรับผิดชอบอย่างหนัก ต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของหลิว



+++แถลงการณ์ของ เจ้าชายเซอิด ราอัด อัล-ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง นายหลิว จะยังคงเป็นแรงบันดาลใจแก่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนต่อไป



+++นายหลิว ถูกรับโทษจำคุกมาแล้ว 11 ปีจากความผิดฐานเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงเข้าร่วมการประท้วงที่บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2532 ทางการจีน อนุญาตให้นายหลิวไปเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเสิ่นหยางเมื่อต้นเดือนที่แล้ว หลังได้รับการตรวจวินิจฉัยจากโรงพยาบาลของเรือนจำว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย แต่รัฐบาลจีน ไม่อนุญาตให้เขาเดินทางไปรักษาอาการป่วยในต่างประเทศ ถึงแม้ว่านายหลิว จะแสดงความประสงค์ว่าอยากไปรักษาตัวในต่างประเทศ และชาติตะวันตกหลายประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลจีนอนุญาตให้เขาเดินทางไปรักษาตัวในต่างแดน แต่คณะแพทย์ของจีนระบุว่าเขาป่วยหนักมาก คณะแพทย์จึงเห็นว่าไม่ควรอนุญาตให้เขาเดินทางไปต่างประเทศ



+++สภาพอากาศในหลายประเทศมีฝนตกหนัก สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ว่ากระแสลมใต้ความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดกระหน่้ำเมืองหลวงกรุงเวลลิงตัน ก่อนจะเคลื่อนตัวสู่ทิศเหนือ ไปยังเมืองโอ๊ตแลนด์ เมืองใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ บ้านเรือนกว่า 10,000 หลัง บนเกาะเหนือไม่มีไฟฟ้าใช้ ถนนหลวงหลายสายถูกตัดขาด และบริการเรือโดยสารข้ามฟากช่องแคบคุ๊ก ระหว่างเกาะเหนือกับเกาะใต้ ระงับให้บริการเป็นการชั่วคราว เนื่องจากคลื่นทะเลรุนแรง



+++นายทอม อดัมส์ นักพยากรณ์อากาศ เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาตินิวซีแลนด์ ว่า กระแสลมรุนแรงจะดำเนินต่อไปในคืนวันพฤหัสบดี ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลายลงตอนเช้าวันศุกร์  นิวซีแลนด์เผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง ในระยะหลายเดือน โดยพายุไซโคลนพัดกระหน่ำเมื่อเดือน เม.ย. มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ และทางการต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง



+++ที่อินเดีย แม่น้ำพรหมบุตร ซึ่งไหลจากประเทศจีนลงมายังอินเดียและต่อไปยังบังกลาเทศ ระดับน้ำเอ่อล้นฝั่ง หลังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ไหลเข้าท่วมหมู่บ้านกว่า 2,500 แห่ง ในรัฐอัสสัม ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ตลอดช่วง 2 สัปดาห์ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แสดงความวิตกกังวลต่อความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน โดยประชาชนหลายหมื่นคนเข้าพักอาศัยอยู่ตามศูนย์บรรเทาทุกข์กว่า 300 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนภัยด้านสาธารณสุขในระดับสูงสุด เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่างๆ ขณะเดียวกัน หน่วยกู้ภัยพยายามช่วยเหลือแรดและสัตว์ป่าอื่นๆ ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อน้ำท่วมกว่าร้อยละ 90  ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติคาซิรังกา ซึ่งเป็นสถานที่มรดกโลกขององค์การยูเนสโก โดยมีแรดนอเดียวที่นี่ประมาณ 2,500 ตัว จากที่มีอยู่ทั่วโลกประมาณ 3,000 ตัว และตลอด 2 สัปดาห์ มีลูกแรดนอเดียว 2 ตัว และกวาง  15 ตัวจมน้ำตาย  เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางอินเดีย กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำพรหมบุตรคาดว่าจะสูงขึ้นอีก จนถึงสุดสัปดาห์นี้ และหลังจากนั้นจะทรงตัว หากไม่มีฝนตกลงมาอีก



+++ส่วนสถานการณ์บนเกาะคิวชูทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 30 ศพ ทีมกู้ภัย ยังคงพยายามค้นหาผู้รอดชีวิต ก่อนหน้านี้ ฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง ถนนหลายแห่งถูกน้ำท่วมไม่สามารถใช้สัญจรได้ บ้านเรือนหลายแห่งถูกน้ำท่วมเสียหาย ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพไปพักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว



+++ขณะที่ เมืองหลานโจวในมณฑลกานซู่ ของจีนคนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินต้องสวมถุงมือหนาเป็นพิเศษเพื่อหยิบจับโลหะที่ร้อนจัดท่ามกลางแสงแดดจ้าและอุณหภูมิสูงเกือบ 60 องศาเซลเซียส ส่วนที่เมืองซีอาน ในมณฑลส่านซี มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 40.9 องศาเซลเซียส ประชาชนต้องอาศัยหลบร้อนตามสถานที่ที่มีความเย็นอย่างเนืองแน่น ขณะที่สวนน้ำในเมืองก็มีผู้ใช้บริการนับหมื่นคนต่อวัน คาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสต่อไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์



+++เกิดเหตุคนร้าย บุกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายกลางถนนในเมืองเควตตาของปากีสถาน ตำรวจในเมืองเควตตา เปิดเผยว่า คนร้ายจำนวน 4 คนขับรถจักรยานยนต์ประกบรถของผู้กำกับที่กำลังมุ่งหน้ากลับสำนักงาน ก่อนกระหน่ำยิงเข้าที่รถ ส่งผลให้ตำรวจทั้ง 4 นายถูกยิงเข้าที่ศีรษะและส่วนบนของลำตัวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กลุ่มตอลีบานในปากีสถานประกาศตัวว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ แต่กลุ่มไอเอสก็ออกมาระบุผ่านเว็บไซต์ของสำนักข่าวอามักว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุครั้งนี้เช่นกัน ด้านนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ประณามเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น



+++บีบีซี รายงานอ้างนายเมง สักธีระ รัฐมนตรีเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาว่ารัฐบาลกัมพูชาสั่งห้ามเอกชนส่งออกดินทรายไปต่างประเทศอย่างถาวร มีผลคือยกเลิกการขายดินทรายให้กับสิงคโปร์ หลังการรับซื้อดินทรายจากกัมพูชามาหลายปีเพื่อใช้ถมที่ดินในสิงคโปร์ คำสั่งนี้ เป็นผลจากกระแสความหวั่นวิตกด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในกัมพูชา ระบุว่า การขุดเจาะดินทรายในปริมาณมากๆส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศวิทยาในแถบชายฝั่งทะเลของกัมพูชา ก่อนหน้านี้มาเลเซียห้ามส่งออกดินทรายเมื่อปี 2540 ขณะที่อินโดนีเซียห้ามส่งออกดินทรายให้กับสิงคโปร์เมื่อปี 2550



+++บีบีซี รายงานอ้างตำรวจบนเกาะเซนต์ มาร์ติน อาณาเขตเนเธอร์แลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลแคริบเบียนว่า นักท่องเที่ยวหญิงชาวนิวซีแลนด์วัย 57 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตบนเกาะเซนต์ มาร์ติน เนื่องจากความแรงเครื่องยนต์ของเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737 ลำหนึ่งของตรินิแดดขณะร่อนลงจอด พัดสตรีดังกล่าวซึ่งยืนเกาะรั้วกั้นสนามบิน จนตัวปลิว ศรีษะของเธอกระแทกเข้ากับรั้วคอนกรีตกั้นสนามบินอย่างแรง ในช่วงแรกเธอบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งยังโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่สนามบินนานาชาติปริ๊นเซส จูเลียนา ซึ่งอยู่ห่างแค่ 50 เมตรจากชายหาดมาโฮ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของโลก

+++ขณะเกิดเหตุ ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนที่หาดดังกล่าวที่ไปยืนเกาะรั้วกั้นของสนามบินเพื่อชมบรรยากาศขณะเครื่องบินบินขึ้นและลงจอด แม้ว่าจะมีป้ายเตือนห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้รั้วกั้นสนามบิน

+++ชายหาดดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะอยากชมช่วงเวลาขณะเครื่องบินร่อนลงเหนือชายหาดในระดับต่ำมากคือแค่ระดับเหนือศรีษะก่อนไปลงจอดในสนามบิน โดยเฉพาะรันเวย์สนามบินอยู่ห่างจากรั้วกั้นชายหาดมาโฮเพียงแค่ 50 เมตร



CR:BBC

ข่าวทั้งหมด

X