นายกฯตรวจความคืบหน้าสร้างพระเมรุมาศพรุ่งนี้ /เร่งหาความจริงเก็บเงินแรงงานลาวเข้าไทย/เตรียมเก็บภาษีเฟซบุ๊ค

12 กรกฎาคม 2560, 12:01น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30  น.



+++พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีได้เชิญนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ ในวันพฤหัสที่ 13 ก.ค.นี้ เวลา16.30น



++++หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พันเอกหญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี ยังอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศ ในราชอาณาจักร พ.ศ.2529 โดยให้ยกเลิกการใช้ธงชาติในวันที่ 5พ.ค. วันฉัตรมงคล และเพิ่มเติมวันสำคัญในการชักและประดับธงชาติ ประกอบด้วย วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันที่28 - 29 ก.ค. วันพระราชทานธงชาติไทย 28 ก.ย. ซึ่งกำหนดให้มีปีนี้เป็นปีแรก แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดโอกาสและวันพิธีสำคัญในการชักและประดับธงชาติ จากเดิมวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 5-7 ธ.ค. ในปีนี้เปลี่ยนเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนพรรษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันชาติ และ วันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 และ 6 ธ.ค.



+++กระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยกเลิกการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา  นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ส่วนกำหนดการเดินทางไปในวันที่ 19 ก.ค.นั้น เป็นเรื่องที่พูดกันไว้ตั้งแต่แรก แต่ยังไม่ได้ตกลงกัน และเหตุที่ยังไม่สามารถกำหนดวันได้ เพราะต้องมีการเตรียมความพร้อมที่ดีทุกเรื่อง เพื่อให้การพบปะกันราบรื่น ประสบความสำเร็จทั้งสองฝ่าย ได้ตกลงกันว่าจะไม่เร่งร้อน จากนี้ อีกไม่กี่วัน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศจะมีการหารือกันเรื่องความพร้อม ส่วนจะมีความชัดเจนขึ้นหรือไม่ต้อแล้วแต่จะคุยกัน แต่ในช่วงเดือน ส.ค.คงไม่ได้ เพราะเป็นช่วงพักร้อนของชาติตะวันตก และตอบไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้หรือไม่ แล้วแต่การพูดคุยกัน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่มีความรีบร้อนโดยถือเป็นต้นแบบที่ดีในการเตรียมการของฝ่ายไทย ไม่ใช่เร่งรีบ จนตกหล่น ไม่สมบูรณ์ ซึ่งในอดีตมีแบบนี้อยู่เยอะ จึงไม่อยากให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย



++++สำหรับการมองว่าสหรัฐฯ ไม่จริงใจกับไทยในการเชิญครั้งนี้ นายดอน กล่าวว่า ไม่จริง และไม่ได้เป็นการเชิญตามมารยาท เพราะพยายามจะคุยด้วยอย่างดีและรับรู้ได้ว่ามีความตั้งใจมาก ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ไทยเป็นฝ่ายง้อที่จะพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายดอน ปฏิเสธว่า ไม่จริง ถือเป็นข่าวที่บิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน 



+++หลังมีการร้องเรียนเจ้าที่ฝ่ายไทย เรียกเก็บเงินจากแรงงานชาวลาว เดินทางกลับประเทศ หลังประเทศไทยมีการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวง กล่าวว่ากรณีเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวที่เดินทางออกนอกประเทศเพื่อดำเนินการทำเรื่องขอเข้ามาทำงานในประเทศไทยตามกฎหมายนั้น เรื่องนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า แรงงานต่างด้าวเหล่านี้มีหนังสือรับรองการเดินทางเข้าออกประเทศที่ออกโดยกระทรวงแรงงานหรือไม่  คิดว่าถ้ามีหนังสือนี้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำอะไรนอกรีต แต่ถ้าถูกเรียกเก็บจริง ถือว่าเจ้าหน้าที่มีความผิดแน่นอนดังนั้นฝากถึงนายจ้างให้พาแรงงานต่างด้าวไปติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ที่ทำงานเพื่อขอหนังสือรับรองออกนอกประเทศจะดีที่สุด



+++พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีคำสั่งถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนว่าช่วงระหว่างผ่อนผันตามคำสั่ง คสช. ห้ามมีการตรวจจับกุมดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าว หรืออาศัยข้อกฎหมายรีดไถเรียกรับเงิน หากมีการร้องเรียนเข้ามายืนยันแน่นอนว่าลงโทษขั้นเด็ดขาด โดยให้ออกจากราชการ และดำเนินคดีอาญาด้วย



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่ากำลังให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้กำลังไล่ตรวจสอบทุกเส้นทางและทุกด่าน หากพบข้อมูลขอรีบแจ้ง หากแจ้งเจ้าหน้าที่ด่านที่เรียกเก็บไม่ได้ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด่านอื่น หรือไม่ก็ถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันว่าจะตรวจสอบให้ทุกเรื่อง



+++พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบนโยบายให้กระทรวงแรงงาน แก้ปัญหาในส่วนที่นายจ้างจำเป็นต้องปล่อยให้แรงงานกลับไปที่ประเทศต้นทาง เพื่อไปทำหนังสือเดินทางและพิสูจน์สัญชาติ ว่าถ้าในกรณีเรื่องเล็กน้อย อย่างเช่นเรื่องใบอนุญาตทำงานผิดหรือไปทำงานในจังหวัดอื่นให้ดำเนินการได้ที่สำนักงานจัดหาแรงงานในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีระยะเวลาในการติดต่อขออนุญาตนาน นายกฯจึงสั่งให้เปิดศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ให้บริการทั้งส่วนกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) และกระทรวงมหาดไทยเบ็ดเสร็จในที่เดียว



+++กรมสรรพากรได้เปิดให้แสดงความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อรองรับการเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) เช่น เฟซบุ๊ค กูเกิล ยูทูบ และไลน์ วันสุดท้ายเมื่อ 11 ก.ค.60   ซึ่งกรมสรรพากรจะรวบรวมความเห็นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ซึ่งตามแผนจะเสนอให้ ครม. เห็นชอบภายในเดือน ก.ค.นี้ สำหรับร่างกฎหมายเก็บภาษีดังกล่าว จะกำหนดให้นิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ประกอบกิจการโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทำให้เกิดรายได้หรือกำไร โดยมีการใช้โดเมนท้องถิ่นของไทย หรือมีการสร้างระบบการชำระเงินเป็นสกุลเงินไทยหรือมีการโอนเงินจากประเทศไทย ถือว่านิติบุคคลนี้ประกอบกิจการในประเทศไทย และให้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย โดยต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ15  โดยให้ผู้จ่ายเงินเป็นผู้หักภาษีนำส่งกรมสรรพากร และหากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย  การแก้กฎหมายครั้งนี้ ยังกำหนดให้ยกเลิกการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีการนำเข้าทางไปรษณีย์ที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการภายในประเทศที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และที่ผ่านมากรมสรรพากรพบว่าการซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศมีการส่งมาทางไปรษณีย์มีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม



+++นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุมวิป สนช. รับทราบมติของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ร่างพ.ร.บ. กกต. ที่ยืนยันว่า ข้อโต้แย้ง 6 ประเด็นของ กกต. ไม่ขัดหรือแย้งต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ โดยเห็นชอบให้นำร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม สนช. ในวันที่ 13 ก.ค. เพื่อพิจารณาว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หากไม่เห็นชอบต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิก สนช. ทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาในวันที่ 13 ก.ค. นั้น จะให้ประธาน กมธ. สรุปรายงานการพิจารณา ซึ่ง กมธ. ร่วมไม่มีการแก้ไข โดยยืนยันตามร่างเดิมที่ สนช. เคยให้ความเห็นชอบก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม จะเปิดโอกาสให้ประธานกกต.ที่สงวนความเห็นได้ชี้แจงข้อโต้แย้ง6 ประเด็นให้ที่ประชุม สนช. รับทราบ ก่อนที่จะลงมติ      ส่วนร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น กรธ. ได้ส่งข้อโต้แย้ง 5 ประเด็นว่าไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม สนช. เพื่อตั้ง กมธ. ร่วม 3 ฝ่าย มาทบทวนในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นรายชื่อ กมธ. ร่วม ในส่วน สนช. จะมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม 



+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะทำงานด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจเริ่มต้น (SME & Startup) โดยฝั่งหอการค้าไทยเตรียมเสนอประเด็น อนุญาตค้าปลีก-ส่งจบจุดเดียว



+++คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) วันนี้เตรียมพิจารณาโครงสร้างค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟจากประชาชนงวดใหม่ (เดือน ก.ย.-ธ.ค. 2560) ซึ่งมีทิศทางจะเพิ่มขึ้น 7-8 สตางค์/หน่วย

ข่าวทั้งหมด

X