ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม มีมติเอกฉันต์ 14-0 เห็นชอบ นายชีพ จุลมนต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนที่ 44 ต่อไป สำหรับ นายชีพ ปัจจุบัน อายุ 63 ปี ซึ่งยังมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งอีก 2 ปี จนกว่า จะเกษียณราชการในอายุ 65 ปี การศึกษาจบปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทรัฐศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ นายชีพ นับเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตจาก ม.รามคำแหง คนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขตุลาการสูงสุด
ส่วนของการปฏิบัติราชการตำแหน่งผู้พิพากษานั้น นายชีพ เป็นองค์คณะพิจารณาคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีโครงการจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลย
เป็นผู้พิพากษา 1 ในองค์คณะคดีฮั้วประมูลและปฏิบัติหน้าที่มิชอบระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พร้อมนักอดีตนักการเมือง ข้าราชการ และบริษัทเอกชน รวม 28 ราย เป็นจำเลยด้วย และเป็นองค์คณะในคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปี 2551 ซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยด้วยอีกสำนวนซึ่งคดีนี้ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.นี้
ส่วนอดีต เมื่อครั้ง นายชีพ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ระหว่างปี 2552 นายชีพ ก็ได้ทำความเห็นแย้งต่อการตัดสินคดีที่ประชาชนสนใจ อย่างคดี อัยการยื่นฟ้อง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และผู้ใต้บังคับบัญชาอีกรวม 5 คนทั้งส่วนสำนักงานกฎหมาย กรมสรรพากรและนิติกร ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลอาญา 154, 157 กรณีงดเว้นการคำนวณภาษี 270ล้านบาท ที่โอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น ซึ่งแม้องค์คณะพิพากษาให้ยกฟ้อง นายศิโรตม์ กับพวก แต่นายชีพได้ทำความเห็นแย้งติดไว้ในสำนวนว่า พฤติกรรมการกระทำของนายศิโรตม์ กับพวก ชี้ให้เห็นถึงเจตนาที่จะช่วยเหลือ หรือเอื้อประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดา ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของนายทักษิน เพื่อไม่ต้องเสียภาษีจำนวน 270 ล้านบาท