หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงว่าไม่มีนโยบายแต่งตั้งโยกย้ายข้ามกระทรวง หากมี ก็จะต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่งจึงจะเป็นไปได้ ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการก็เป็นไปตามกลไกที่แต่ละกระทรวงเสนอมา แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเองต้องเข้าตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติความประพฤติด้วยอีกทางหนึ่ง
ส่วนกรณีโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย นายกรัฐมนตรีย้ำ ว่า เป็นโครงการที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำเพื่อความเชื่อมโยง ทั้งทางถนนและทางราง รวมถึงเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับแผน ICT เนื่องจากเดิมประเทศไทย มีแค่รถไฟธรรมดาเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบัน ดำเนินการระยะแรกไปแล้ว 5 พื้นที่ และกำลังพิจารณาว่าเส้นทางใดมีความจำเป็นต้องใช้รถไฟความเร็วสูงบ้างรวมถึงกำลังพิจารณาว่าจะใช้วิธีการประมูลหรือร่วมมือกับจีน เพราะหากร่วมมือทั้งหมดกลัวว่าจะเป็นการผูกขาด ไทยจึงเลือกที่จะลงทุนเอง แต่จ้างจีนให้เป็นที่ปรึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจีนได้ค่าแรงงานเท่านั้น แต่บริษัทไทยได้ประโยชน์ อย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่คิดสั้นสร้าง แค่เส้นทางกรุงเทพ-โคราช แต่เส้นทางดังกล่าวเป็นระยะแรกที่เริ่มต้นสร้างเนื่องจากไม่มีคนบุกรุก จึงสร้างเมื่อเสร็จ ก็สามารถใช้งานได้ภายในปี 2564
สำหรับ การตอบ 4 คำถาม หลังจาก กระทรวงมหาดไทยได้รวบรวมคำตอบส่งให้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า คำถามที่รวบรวมมาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนที่ไม่เห็นด้วยก็มีเช่นเดียวกัน พร้อมยืนยัน ว่า ไม่ได้คัดแยกเฉพาะเรื่อง ที่ดี เข้าข้างตัวเองมาอ่าน เพราะอ่านทั้งหมด ซึ่งวันนี้ ประชาชนมีการรับรู้มากขึ้น ขอสื่ออย่าสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า จะต้องดูเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากยังคงมีวันสำคัญ หลายช่วง ทั้งพิธีพระราชทานพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ด้วย ขออย่าเร่งรัดและโยนคำถามกลับว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่แล้วอะไรจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
ส่วนการเปิดเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่แทนผู้ว่าฯที่จะหมดวาระ ในเดือนมีนาคมปีหน้า นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะต้องมีการพิจารณากันหลายเรื่องซึ่งต้องดูให้ครบทุกด้านภายใน 2 สัปดาห์นี้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการเปิดเลือกตั้งเมื่อใดเพราะต้องดูสถานการณ์ก่อน ทั้งนี้การแต่งตั้งต่างๆนั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งนายกรัฐมนตรีจากการตรวจเช็คอีกครั้ง
สำหรับขอบเขตการทำประมงของเรือประมงพื้นบ้าน ตาม พ.ร.บ.ประมงนั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงอยู่ ซึ่งในวันนี้ต้องมีกฎหมายที่เรือประมงแต่ละประเภทไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน โดยยอมรับว่าจะต้องมีคนเดือดร้อน แต่ยืนยันว่าจะต้องแก้ปัญหาทั้งหมดให้ได้ตามกรอบกติกา ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขายสินค้าได้