นายกฯปัดปฎิรูปกองทัพ จัดซื้อเครื่องบินขับไล่จากเกาหลีใต้ ย้ำแก้ปัญหาราคายางพารา

11 กรกฎาคม 2560, 15:37น.


หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ โดยได้ให้แนวทางหลังจากรับฟังข้อเสนอจากทุกภาคส่วนไปยังคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจที่มีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน  เรื่องหลักในการปฏิรูปได้แก่การปฏิรูปองค์กร ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การใช้กฎหมายในขั้นตอนกระบวนการสอบสวนพิสูจน์หลักฐาน และการปฏิรูปบุคลากร ให้เกิดความเป็นธรรมเท่าเทียม การจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการหางบประมานที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ขอระยะเวลาในการทำงานก่อน จึงขอสื่อมวลชนอย่าเพิ่งซักถามในช่วงนี้มากนัก



ส่วนเรื่องการปฏิรูปกองทัพ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นคนละรูปแบบกันกับการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งการปฏิรูปกองทัพจะต้องใช้คำว่าการพัฒนากองทัพ โดยมียุทธศาสตร์ระยะยาวอยู่แล้วทั้งการพัฒนาบุคลากร อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ซึ่งยุทโธปกรณ์บางอย่างมีอายุการใช้งานที่นาน 10 - 30 ปี โดยในอนาคตอาจจำเป็นต้องลดปริมาณและเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น ส่วนเรื่องตำแหน่งนายพลที่มีปริมาณมาก ให้มาทำงาน ในส่วนกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)มากขึ้น โดยให้ไปช่วยงานในส่วนของกอ.รมน.จังหวัด ช่วยเหลือด้านความมั่นคง ลดความขัดแย้งภายในจังหวัด ขณะเดียวกันก็จะทยอยลดกำลังพลด้วยเช่นกัน



ส่วนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ รุ่น T-50TH (ที-50 ทีเอช) จำนวน 8 เครื่อง จากบริษัทประเทศเกาหลีใต้ ที่มีวงเงินประมาณ 8,889 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปีของกองทัพอากาศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ด้วยมีความจำเป็น จึงได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเครื่องบินบางลำมีการใช้และซ่อมบำรุงมาเป็นเวลานาน จึงต้องมีการวางแผนงบประมาณและช่วงเวลาในการจัดซื้อ เพื่อทยอยปรับปรุงไปเรื่อยๆ พร้อมระบุด้วยว่าต้องเข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือตามคุณสมบัติในการทำงานของกองทัพด้วย ซึ่งยืนยันว่าการจัดซื้อ ไม่มีผลกระทบและผูกมัดกับใคร เพราะการจัดซื้อมีการประกวดราคา และซื้อตามขั้นตอน



ส่วนกรณีปัญหาราคายางพาราตกต่ำ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหาราคายางตกต่ำต้องดูตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพราะขณะนี้ประชาชนปลูกยางมากเกินไป และกว่า 3 ล้านไร่ก็ปลูกในที่บุกรุก หากให้หยุดปลูกทั้งหมดก็จะเดือดร้อน  ในส่วนของกลางทาง รัฐบาลกำลังพยายามจะนำไปทำถนน ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากเดิมสามารถนำมาทำถนนได้แค่ร้อยละ 5  แต่ผลวิจัยใหม่สามารถทำได้เพิ่มเป็นร้อยละ 15 แต่ต้องนำไปแปรรูปถึงไปทำโครงการได้ โดยในวันนี้ได้ให้นโยบายไปดำเนินการแล้ว กับกรมการทหารช่าง ส่วนวันพรุ่งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะประชุมเพื่อหารือว่าจะนำยางไปใช้ในส่วนใดบ้าง ซึ่งรัฐบาลได้สั่งตั้งโรงงาน ทั้งในจังหวัดสงขลา และในที่อื่นๆแล้ว เพื่อให้นำมาใช้ได้หลายทาง ทั้ง ด้านสาธารณสุข และ ด้านกีฬา



นายกรัฐมนตรี ยังตำหนิผู้ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลถึงการแก้ปัญหาราคายางพารา ว่า สามารถแก้ปัญหาได้เหมือนรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เพราะช่วงที่ดำรงตำแหน่งก็ทำได้แค่อุดหนุนราคายาง ซึ่งเป็นวิธีปลายทางเท่านั้น และยังทำให้รัฐบาลต้องประสบกับปัญหาขาดทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาตัวแทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ไปหารือร่วมกัน 3 ประเทศ ระบุว่า เป็นไปได้ยาก หากจะทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น อีกทั้งกลุ่มประเทศเหล่านั้นยังตำหนิไทยด้วยว่าทำให้ราคายางมีปัญหา และมองเรื่องปัญหายางพาราของไทยเป็นเรื่องการเมือง หากขายยังไงก็ราคาตก ดังนั้นขอกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางอย่าออกมาเคลื่อนไหว และหากจะนำ ม.44 มาแก้ปัญหา ก็ต้องคิดใหม่ทั้งระบบ และต้องเพิ่มงบประมาณมากขึ้น อีกทั้งหาก สต๊อกยางพาราไม่มากเท่าปัจจุบัน ก็สามารถขึ้นราคายางพาราได้ถึง 70 บาท ต่อ กิโลกรัม ส่วนต่างประเทศที่เข้ามารับซื้อยางพาราไทย ก็นำไปสต๊อกไว้ เพราะต้องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น  เนื่องจากบางประเทศก็สามารถปลูกได้ และบางประเทศก็โค่นต้นยางทิ้งไปกว่าร้อยละ 50 แล้ว



ส่วนกรณีราคาปาล์มตกต่ำนั้น ยืนยันว่า จะนำมาสกัดเป็นน้ำมันเอทานอลมากไม่ได้ เพราะยังพบมีการตัดปาล์มอ่อนมาขายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ขอให้เกษตรกรดูที่ตนเองก่อน  ส่วนที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพราะเป็นการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน ดังนั้น ขอคนที่นำไปวิพากษ์วิจารณ์ อย่าสร้างความขัดแย้ง ทั้งที่ทราบปัญหาที่แท้จริงดี  ส่วนอยากให้ลดพื้นที่ปลูกลงก่อน และหันมาปลูกผลไม้ที่ยังขาดตลาดทั้งในและต่างประเทศ และมีราคาแพงแทน เช่น ทุเรียน มังคุด และ เงาะ เพราะปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว



กรณีเหตุสังหาร ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลบ้านกลาง อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็อยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการซึ่งคาดว่าจะรายให้ทราบหลังจากนี้ ส่วนที่มีการอ้างว่าผู้ลงมือ ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก็จะต้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนติดตามมาดำเนินคดีให้ได้



ส่วนกรณีพบข่าวเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ร้องเรียนว่ามีเรียกเก็บเงินจากแรงงานชาวลาวที่จะเดินทางกลับ สปป.ลาว ที่ด่านเขมราฐ ว่า ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่ด้านอำเภอเขมราฐ แต่รวมไปถึงทุกด่านด้วย  ส่วนหากเป็นเจ้าหน้าที่ และไม่รับร้องเรียนนั้น สามารถแจ้งที่ด่านอื่นๆ หรือเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นได้ พร้อมได้แนะนำให้ถ่ายคลิปมา เป็นหลักฐานให้เป็นประโยชน์  เหมือนกรณีอื่นๆ ที่ถ่ายคลิปมาลงในโซเชียลได้ โดยระบุว่า เรื่องลักษณะนี้จะต้องช่วยกันหลายฝ่าย ซึ่งสามารถส่งมายังคณะทำงานของรัฐบาล เพื่อให้ทำการตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนใดที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข่าวทั้งหมด

X