หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีพลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ โดยเรื่องปัญหาหนี้สิน และหนี้เสีย ที่พบมากในภาคประชาชนและมีการใช้จ่ายเกินตัว ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานมาถึงนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการเตรียมออก มาตรการควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเพดานเงินกู้ตามรายได้แต่ละเดือนของภาคประชาชน เช่น มีเงินเดือน 15,000 - 30,000 บาทจะได้รับวงเงินบัตรเครดิต ที่มีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ รายได้ 30,000 -50,000 บาท จะได้รับวงเงินไม่เกิน 3 เท่าของรายได้ ทั้งนี้เพื่อทำให้ไม่เกิดการใช้จ่ายเงินที่เกินตัวจนเกิดหนี้สิน
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งตามการผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทยในช่วงวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษาโดยพบว่ามีการใช้จ่ายกว่า 6,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 8 แสดงให้เห็นว่าประชาชนนั้นเริ่มมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล จึงฝากถึงคณะรัฐมนตรีให้เผยแพร่ในเรื่องนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรียังให้นโยบายกับทางกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับ พระราชการกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2560 โดยมีผลกระทบต่อการจ้างงาน เนื่องจากแรงงานบางส่วนได้เดินทางกลับประเทศเพื่อไปทำเอกสาร โดยในส่วนของแรงงานต่างด้าว ที่ กระทำผิดเพียงเล็กน้อยเช่นใบอนุญาตทำงาน ไม่ตรง กับสถานที่ทำงานจริง ให้สามารถมาดำเนินการแก้ไขได้ที่สำนักงานจัดหาแรงงานในแต่ละจังหวัด โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายกับทางกระทรวงแรงงาน ให้จัดการให้บริการแบบ one stop service คือมีการให้บริการทั้งจากกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กระทรวงแรงงาน ในที่เดียว เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินการ
ส่วนการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) หลังแผนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางปี 2561 โดยได้มีการหารือแล้วว่าคณะกรรมการ ปยป. จะยังคงอยู่ จนไปถึงช่วงกลางปี 2561 จึงจะมีการหารือในเรื่องนี้อีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า การทำงานของคณะกรรมการ ปยป. ไม่ควรใช้งบประมาณมากเกินไป เพราะเป็นที่จับตาของทุกคน ส่วนกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายย้ายปลัดกระทรวงในวันนี้นายกรัฐมนตรีได้แจ้งในที่ประชุมให้แต่ละกระทรวงไปทำแผนการโยกย้ายตำแหน่งของกระทรวงให้เสร็จสิ้น ในสัปดาห์นี้จึงยังไม่มีการพิจารณา เมื่อแต่ละกระทรวงทำแผนเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมีการนำเสนอมาเข้าคณะรัฐมนตรีและพิจารณาเป็นรอบๆไป นอกจากมีคณะรัฐมนตรี ยังมีมติอนุมัติพิจารณาเห็นชอบข้อตกลงยอมรับร่วม สำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอ โดยคาดว่าจะมีการลงนามในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2560 ทั้งนี้ภายหลังการลงนามแล้วจะทำให้มียาสามัญใหม่จากต่างประเทศได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยมากขึ้น และยามีราคาถูกลงแต่ข้อเสียคือ ส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตยาในประเทศจะลดลง นายกรัฐมนตรีจึงให้แนวทางกับทางกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ไปศึกษาว่าหากดำเนินการแล้วจะมีมาตรการ ในการลดผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตยาในประเทศอย่างไรเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบมากนัก สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นอื่นได้